อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันพุธที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2557

โต้โต๊ะครูอาชาอิเราะห์ --- ตอน เหตุผลที่ต้องต่อต้านวะฮาบีย์

อะหมัดรอซีดี อิสมัญ อัลอัชอะรีย์ :
เหตุผลหนึ่งที่พวกเราต่อต้านกลุ่มคณะใหม่วะฮ์ฮาบีและเราจะไม่มีทางยอมรับ แนวคิดของพวกเขาที่พวกเขาอ้างตนเองว่าเป็นพวกซุนนะฮ์ อ้างตนว่าเป็นพวกสะลัฟ ก็เพราะความจริงแล้วพวกเราสามารถจับโกหก พวกคนกลุ่มนี้มาได้ตลอด ตัวอย่างเช่นในหนังสือเล่มนี้ วะฮ์ฮาบีอ้างเสมือว่าตนเองนั้นมีอะกีดะฮ์สะลัฟ แต่ความเป็นจริงแล้วไม่เลย
ชัยค์อิบนุอุษัยมีน อัลมุญัสซิม อุลามาอฺใหญ่ของวะฮ์ฮาบี ที่ซาอุดี้ กล่าวยืนยันว่า อายะฮ์ ที่ว่า “ อัลลอฮฺอิสติวาอฺสูงส่งเหนือบัลลังก์นั้น ” อุษัยมีนกล่าวว่า
إستواء الله على عرشه هو علوه واستقراره عليه على الوجه اللائق به
“ การอิสติวาอฺของอัลลอฮฺเหนือบัลลังก์ของพระองค์นั้นนั้นหมายถึงการสูงส่งของ พระองค์และการสถิตของพระองค์อยู่บนบัลลังก์ บนทิศทางที่เหมาะสมกับพระองค์ ”
แต่อะกีดะฮ์ของอะลุสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์ตามแนวทางสะลัฟที่แท้จริงอธิบายคำ ” อิสติวาอฺ ” ตรงนี้แตกต่างกับวะฮ์ฮาบีโดยสิ้นเชิงว่า
ท่านอิหม่ามใหญ่แห่งยุคสะลัฟท่านอิหม่ามอะบูหะนีฟะฮ์ (ร.ฎ.) ท่านกล่าวว่า
"ونقر بأن الله سبحانه وتعالى على العرش استوى من غير أن يكون له حاجة إليه واستقرار عليه، وهو حافظ العرش وغير العرش من غير احتياج، فلو كان محتاجا لما قدر على إيجاد العالم وتدبيره كالمخلوقين، ولو كان محتاجا إلى الجلوس والقرار فقبل خلق العرش أين كان الله، تعالى الله عن ذلك علوا كبيرا"
" เรายอมรับว่าแท้จริงอัลลอฮฺ (ซ.บ.) เจ้า ทรงเหนืออะรัช (บัลลังก์) โดยที่พระองค์ไม่ต้องการไปยังมัน และไม่ได้สถิต(อิสตะก๊อรร้อ)อยู่บนมัน พระองค์ทรงปกปักษ์รักษาอะรัชโดยที่ไม่ต้องการมัน ดังนั้น หากพระองค์มีความต้องการ แน่นอนพระองค์ก็ไม่มีความสามารถสร้างโลกและบริหารมันได้ โดยที่เหมือนกับบรรดามัคโลค และถ้าหากพระองค์ทรงต้องการไปยังการนั่งและสถิต (อยู่บนอะรัช) แล้วไซร้ ดังนั้นก่อนที่พระองค์จะทรงสร้างอะรัชนั้น พระองค์อยู่ใหน ? ? อัลลอฮฺเจ้านั้นทรงปราศจากจากสิ่งดังกล่าวผู้ทรงสูงส่งยิ่งใหญ่ "
กิตาบ วะซียะฮ์ ของอบูหะนีฟะฮ์ หน้า 2
และท่านอิมามอัลอัชอะรีย์ (ร.ฎ.) ผู้เป็นปราชญ์อันเลื่องลือที่ได้เรียบเรียงและเป็นผู้ที่อธิบายอะกีดะฮ์หลัก ความเชื่อของชนในยุคสะลัฟศอลิห์ ท่านได้กล่าวไว้ใน ฝหนังสืออัลอิบานะฮฺฟีอุซูล อัลดิยานะฮฺ(ฉบับท่ียังไม่ถูกวะฮ์ฮาบีบิดเบือน)ของท่านว่า
وأن الله تعالى استوى على العرش على الوجه الذي قاله وبالمعنى الذي أراده ، استواء منزها عن المماسة والاستقرار والتمكن والحلول والانتقال ، لا يحمله العرش بل العرش وحملته محمولون بلطف قدرته ، ومقهورون في قبضته ، وهو فوق العرش وفوق كل شئ إلى نجوم الثرى ، فوقية لا تزيده قربا إلى العرش والسماء
ความว่า " แท้จริง อัลลอฮฺตะอาลาเจ้า ได้ทรง อิสตะวาอฺเหนือบัลลังก์ บนหนทางที่พระองค์ได้กล่าวไว้ และด้วยความหมายที่พระองค์ทรงประสงค์ (ไม่ใช่ตามที่วะฮ์ฮาบีจะเอา) โดยการอิสติวาอฺที่ ปราศจาก การสัมผัส ปรากศจากการสถิต ปราศจากการมั่นคงอยู่ ปราศจากการเข้าไปอยู่ และปราศจากการเคลื่อนไหว โดยที่บัลลังก์นั้นไม่ได้แบกพระองค์เอาไว้ แต่ทว่าบัลลังก์และบรรดา(มะลาอิกะฮ์)ผู้ที่แบกมันไว้นั้น ได้ถูกแบกด้วยความเมตตาจากอานุภาพของพระองค์ และพวกเขาถูกควบคุมอยู่ในอำนาจของพระองค์ โดยที่พระองค์ทรงเหนือบัลลังก์และเหนือทุกๆ สิ่ง (ในด้านฐานันดร) จนกระทั้งหมู่ดาวษุรอยยา (การอยู่เหนือของพระองค์นั้น) เป็นการอยู่เหนือโดยไม่ทำให้พระองค์เพิ่มการใกล้ไปยังบังลังก์และฟากฟ้า "
หนังสือ อัลอิบานะฮฺ หน้า 21 ตีพิมพ์ ดาร อัลอันซอร ตะห์กีกโดย ดร. เฟากียะฮฺ หุซัยน์ มะหฺมูด
คำพูดของท่านอิหม่ามอะบุลหะซัน ที่ว่า
“โดยอิสติวาอฺที่ ปราศจาก การสัมผัส ปรากศจากการสถิต”
พวกเราได้รับแง่คิดจากท่านอิหม่ามอัลอัชอะรีย์ตรงนี้คือ
1. อัลลอฮ์ทรงอิสติวาอฺตามที่พระองค์ได้ทรงตรัสไว้ ( คือคำว่าอิสตะวาอฺ ก็คือ คำว่าอิสตะวาอฺ ตามหลักภาษาอาหรับโดยที่เราจะต้องไม่เข้าไปยุ่งกับความหมายของคำนี้ ซึ่งต่างจากวะฮาบีย์ ที่แปลคำอิสตะวาอฺนี้ว่า สถิต ประทับ หรือนั่งบนบัลลังก์ )
2. ทรงอิสติวาอฺตามความหมายที่อัลลอฮฺทรงประสงค์ หมายถึง มอบหมายการรู้ความหมายที่แท้จริงไปยังพระองค์(แต่วะฮาบีย์รู้ความหมายและ เจาะจงความหมายที่ไม่บังควร
3. การอิสติวาอฺมิได้อยู่ในความหมายของ สถิต(แต่วะฮ์ฮาบีย์บอกว่า สถิต)
4. การอิสติวาอฺของพระองค์นั้น ไม่เคลื่อนไหว (แต่อะกีดะฮ์วะฮ์ฮาบีย์บอกว่าอัลลอฮฺเคลื่อนไหว
5. อัลลอฮฺทรงเหนือบัลลังก์และเหนือทุกสิ่งที่ถูกสร้าง หมายถึงพระองค์ทรงเหนือทุกๆ สิ่งด้วยอำนาจการปกครองและสรรพสิ่งทั้งหลายอยู่ใต้อำนาจการบริหารของพระองค์ มิใช่หมายถึงอัลลอฮฺอยู่เหนือสุดบนทุกๆ สิ่งและทุกๆ สิ่งนั้นอยู่ใต้พระองค์
ดังนั้นสรุปตรงนี้อย่างชัดเจนก็คือ อะกีดะฮ์ของกลุ่มคณะใหมวะฮ์ฮาบีนั้น ไม่ใช่อะกีดะฮ์สะลัฟที่แท้จริง แต่เป็นการโกหกให้กลุ่มตนนั้นดูดีกลุ่มอื่นจากตนหลงผิด
วัลลอฮุอะลัม

ชี้แจงโดย บัง อะสัน หมัดอะดั้ม

อา หมัด รอซิดีย์ อิสมัญ โต๊ะครูอาชาอิเราะฮคนดัง แอบอ้างคำพูดเท็จให้แก่อบูหะนีฟะฮ มาดูข้อเท็จจริงครับ เขาอ้างว่า ท่านอบูหะนีฟะฮฺ กล่าวว่า...
.
"ونقر بأن الله سبحانه وتعالى على العرش استوى من غير أن يكون له حاجة إليه واستقرار عليه، وهو حافظ العرش وغير العرش من غير احتياج، فلو كان محتاجا لما قدر على إيجاد العالم وتدبيره كالمخلوقين، ولو كان محتاجا إلى الجلوس والقرار فقبل خلق العرش أين كان الله، تعالى الله عن ذلك علوا كبيرا"
"เรา ยอมรับว่า แท้จริง อัลเลาะฮฺ(ซ.บ.)ทรงเหนืออะรัช โดยที่พระองค์ไม่ต้องการไปยังมัน และไม่ได้สถิตอยู่บนมัน พระองค์ทรงปกปรักรักษาอะรัชโดยที่ไม่ต้องการมัน ดังนั้น หากพระองค์มีความต้องการ แน่นอนพระองค์ก็ไม่มีความสามารถสร้างโลกและบริหารมันได้ โดยที่เหมือนกับบรรดามัคโลค และถ้าหากพระองค์ทรงต้องการไปยังการนั่งและสถิต(อยู่บนอะรัช) ดังนั้นก่อนที่พระองค์ทรงสร้างอะรัช พระองค์อยู่ใหน ? ? อัลเลาะฮฺทรงปราศจากจากสิ่งดังกล่าวอย่างยิ่งใหญ่" ดู กิตาบ วะซียะฮ์ ของอบูหะนีฟะฮ์ หน้า 2
พี่ น้องสังเกต คำพูดของท่านอบูหะนีฟะฮ์ที่ว่า “เรายอมรับว่า แท้จริง อัลเลาะฮฺ(ซ.บ.)ทรงเหนืออะรัช โดยที่พระองค์ไม่ต้องการไปยังมัน และไม่ได้สถิตอยู่บนมัน”
……………………………………..


ชัดเจนครับว่า อัลลอฮ์ทรงอิสติวาอฺเหนืออะรัชโดยไม่ได้สถิต!

ตอบ

สรุป จากคำพูดของอิหม่ามอบูหะนีฟะฮคือ

1. อัลลอฮ ทรงอยู่เหนืออะรัช ซึ่งต่าง กับอะกีดะฮของนายซุนนะฮคอร์ว่า ไม่ใช่ความหมายนี้แต่หมายถึง การครอบครองโดยไม่แย่งชิง
2. คำพูดข้างต้น ว่าอิหม่ามอบูหะนีฟะฮพูด เป็นการแอบอ้าง มาดูคำวิจารย์

هذا الكتاب مروي من طريق أبي طاهر محمد بن المهدي الحسيني عن إسحاق بن منصور المسياري عن أحمد بن علي السليماني عن حاتم بن عقيل الجوهري عن أبي عبدالله محمد بن سماعة التميمي عن أبي يوسف عن الإمام أبي حنيفة

หนังสือ นี้ ถูกรายงานจากสายรายงานอบีฏอฮีร มุหัมหมัด บิน มะฮดีย์ อัลหุสัยนีย์ จากอิสหาก บิน มันศูร อัลมัสยารีย์ จากอะหมัด บิน อาลี อัสสุลัยมานีย์ จาก หาติม บิน อะกีล อัลเญาฮะรีย์ จากอบีอับดุลลอฮ มุหัมหมัด บิน สะมาอะฮ อัตตัยมีย์ จากอบีอยูซูฟ จากอิหม่ามอบีหะนีฟะฮ –

وهذا السند مسلسل بالمجاهيل فإن محمد بن المهدي الحسيني وإسحاق المسياري وأحمد السليماني وحاتم الجوهري أربعتهم مجاهيل ليس لهم أي ترجمة في كتب الرجال , ولا حتى في كتب طبقات الحنفية , فسند هذا حاله لا يمكن اعتماده في نسبة الكتاب إلى الإمام - رحمه الله
.
และ สายรายงานนี้ ถูกทำให้ต่อเนื่อง ด้วยบรรดาผู้รายงานที่ไม่เป็นที่รู้จัก เพราะแท้จริง มุหัมหมัด บิน มะฮดีย์ อัลหุสัยนีย์ ,อิสหาก อัลมัสยารีย์ ,อะหมัด อัสสุลัยมานีย์ และหาติม อัลเญาฮารีย์ พวกเขาทั้งสี่คนนี้ เป็นผู้ที่ไม่มีใครรู้จัก และพวกเขาไมมีประวัติที่ใหนเลย ในบรรดาตำรารวบรวมผู้รายงานหะดิษ และแม้กระทั้งในเฏาะบะกอตอัลหะนะฟียะฮก็ไม่มี ดังนั้นสายรายงานลักษณะนี้ ไม่สามารถที่จะยึดถือมัน ในการอ้างอิงตำรา ไปยังอิหม่ามหะนีฟะฮ (ของอัลลอฮเมตตาต่อท่าน – ดู บะรออะฮ อัลอะอิมมะฮอัลอัรบะอะฮ มิน มะลาอิลิลมุตะกัลป์ลิมีน อัลมุบตะเดียะ ของ ดร. อับดุลอะซีซ บิน อะหมัด อัลหะมีดีย์ หน้า 76-79
……………………..
จึง สรุปว่า ท่านครูนำคำพูดเท็จที่ถูกแอบอ้างว่าเป็นคำพูดของอิหม่ามอบูหะนีฟะฮมาอ้าง เป็นหลักฐาน เพราะฉะนั้นคำพูดของท่านครูรอซิดีย์ จึงไม่มีความหมายใดๆด้วยประการฉะนี้


ตำราดังกล่าวเป็นการแอบอ้างคำพูดอิหม่ามอบูหะนีฟะฮ
ดร.อับดุลอะซีซ บิน อะหมัด อัลหุมัยดีย์ กล่าวว่า
في هذا الكتاب مسائل كثيرة مخالفة لمذهب أهل السنة والجماعة في الاعتقاد بل، ومخالفة لما هو منقول معروف عن الإمام أبي حنيفة
ใน หนังสือ เล่มนี้ มีบรรดาประเด็นมากมายที่ขัดแย้งกับ มัซฮับอะฮลุสสุนนะฮวัลญะมาอะฮ ในเรื่อง อะกีดะฮ และขัดแย้งสิ่งที่ถูกรายงานเป็นที่รู้กันจากอหม่ามอบูหะนีฟะฮ
براءة الأئمة الأربعة من مسائل المتكلمين المبتدعة) ص 76- 79

มาดูอะกีดะฮ อิหม่ามอบูหะนีฟะฮ อิหม่ามอบูหะนีฟะฮกล่าวว่า
من قال: لا أعرف ربي في السماء أو في الأرض فقد كفر ، وكذا من قال: إنه على العرش ولا أدري العرش أفي السماء أو في الأرض؟ والله تعالى يُدْعى من أعلى لا من أسفل
: “ผู้ใดกล่าวว่า ฉันไม่รู้ว่าพระเจ้าของฉันอยู่เหนือฟากฟ้าหรือบนดิน แท้จริงเขาได้ปฏิเสธแล้ว เช่นกัน ผู้ใดกล่าวว่า พระองค์อยู่เหนืออะรัชแต่ฉันไม่รู้ว่าอะรัชนั้นอยู่บนฟ้า หรือบนดิน (เขาได้ปฏิเสธแล้วเช่นกัน)”และอัลลอฮนั้น ถูกเรียกจากเบื้องบน ไม่ใช่จากเบื้องล่าง (หนังสือ อัล-ฟิกฮฺ อัล-อับศ็อฏ หน้าที่ 46 , มัจมูอุลฟะตาวา เล่ม 5 หน้าที่ 48 , อิจมาอุลญุช อัล-อิสลามมียะฮฺ หน้า 139 ,อัลอุลูว์ ของอัซซะฮะบีย์ หน้า 101-102 ,อัลอุลูว์ของอิบนิกุดามะฮฺ หน้า 116 , ชัรห์ อัล-อะกีดะฮฺ อัฏเฏาะหาวียะฮฺ ของ อิบนุอบิลอิซ หน้าที่ 301)

รอ ซิดีย์อ้างว่า ละท่านอิมามอัลอัชอะรีย์ (ร.ฎ.) ผู้เป็นปราชญ์อันเลื่องลือที่ได้เรียบเรียงและเป็นผู้ที่อธิบายอะกีดะฮ์หลัก ความเชื่อของชนในยุคสะลัฟศอลิห์ ท่านได้กล่าวไว้ใน ฝหนังสืออัลอิบานะฮฺฟีอุซูล อัลดิยานะฮฺ(ฉบับท่ียังไม่ถูกวะฮ์ฮาบีบิดเบือน)ของท่านว่า

وأن الله تعالى استوى على العرش على الوجه الذي قاله وبالمعنى الذي أراده ، استواء منزها عن المماسة والاستقرار والتمكن والحلول والانتقال ، لا يحمله العرش بل العرش وحملته محمولون بلطف قدرته ، ومقهورون في قبضته ، وهو فوق العرش وفوق كل شئ إلى نجوم الثرى ، فوقية لا تزيده قربا إلى العرش والسماء

ความ ว่า " แท้จริง อัลลอฮฺตะอาลาเจ้า ได้ทรง อิสตะวาอฺเหนือบัลลังก์ บนหนทางที่พระองค์ได้กล่าวไว้ และด้วยความหมายที่พระองค์ทรงประสงค์ (ไม่ใช่ตามที่วะฮ์ฮาบีจะเอา) โดยการอิสติวาอฺที่ ปราศจาก การสัมผัส ปรากศจากการสถิต ปราศจากการมั่นคงอยู่ ปราศจากการเข้าไปอยู่ และปราศจากการเคลื่อนไหว โดยที่บัลลังก์นั้นไม่ได้แบกพระองค์เอาไว้ แต่ทว่าบัลลังก์และบรรดา(มะลาอิกะฮ์)ผู้ที่แบกมันไว้นั้น ได้ถูกแบกด้วยความเมตตาจากอานุภาพของพระองค์ และพวกเขาถูกควบคุมอยู่ในอำนาจของพระองค์ โดยที่พระองค์ทรงเหนือบัลลังก์และเหนือทุกๆ สิ่ง (ในด้านฐานันดร) จนกระทั้งหมู่ดาวษุรอยยา (การอยู่เหนือของพระองค์นั้น) เป็นการอยู่เหนือโดยไม่ทำให้พระองค์เพิ่มการใกล้ไปยังบังลังก์และฟากฟ้า "

หนังสือ อัลอิบานะฮฺ หน้า 21 ตีพิมพ์ ดาร อัลอันซอร ตะห์กีกโดย ดร. เฟากียะฮฺ หุซัยน์ มะหฺมูด
ผมว่า อาชาอิเราะบางกลุ่มมากกว่า ที่บิดเบือน เพิ่มเติม คำพูดอิหม่ามอบูหะซัน มาดูที่เขาวิจารร์ไว้ ส่วนว่างๆผมจะมาชี้แจงอีกที่

มาดูคำยืนยันของปราชญ์มัซฮับหะนะฟีเองดังนี้ อิบนุอะบิลอิซ อัลหะนะฟีย์ กล่าวอีกว่า

وَلَا يُلْتَفَتُ إِلَى مَنْ أَنْكَرَ ذَلِكَ مِمَّنْ يَنْتَسِبُ إِلَى مَذْهَبِ أَبِي حَنِيفَةَ ، فَقَدِ انْتَسَبَ إِلَيْهِ طَوَائِفُ مُعْتَزِلَةٌ وَغَيْرُهُمْ ، مُخَالِفُونَ لَهُ فِي كَثِيرٍ مِنَ اعْتِقَادَاتِهِ

และ อย่าไปสนใจผู้ที่คัดค้านดังกล่าว จากผู้ที่อ้างทัศนะอบีหะนีฟะฮ ,แท้จริง บรรดาพวกมุอฺตะซิละฮ และอื่นจากพวกเขา ได้อ้างเขา(อบูหะนีฟะฮ) ,พวกเขามีความแตกต่างกับอบูหะนีฟะฮ มากมายจากบรรดาอะกีดะฮของเขา(ของอบูหะนีหะฮ) - ดู ชัรหุอะกีดะฮอัฏเฏาะหาวียะฮ เล่ม ๒ หน้า ๓๘๗
กล่าว คือ พวกมุอตะซิละฮ ที่ค้านการอยู่เหนือฟากฟ้าของอัลลอฮ จะอ้างทัศนะอบูหะนีฟะฮ ซึ่งความจริง เป็นการแอบอ้าง เพราะพวกเขามีอะกีดะฮแตกต่างจากอะกีดะฮของอบูหะนีฟะฮหลายเรื่อง ถ้าเราสังเกตจากข้อเขียนของอะชาอีเราะฮบางคน เราจะพบว่า เขาจะอ้าง อัลเกาษะรีย์ อุลามาอิญะมียะฮ ที่ต่อต้านเรื่องนี้ โดยเฉพาะการตัคริจญ(การวิจารณ์)หะดิษ

อิบนุอะบิลอิซ อัลหะนะฟีย์ กล่าวอีกว่า

. وَقَدْ يَنْتَسِبُ إِلَى مَالِكٍ وَالشَّافِعِيِّ وَأَحْمَدَ مَنْ يُخَالِفُهُمْ فِي بَعْضِ اعْتِقَادَاتِهِمْ . وَقِصَّةُ أَبِي يُوسُفَ فِي اسْتِتَابَتَةِ لِبِشْرٍ الْمَرِيسِيِّ ، لَمَّا أَنْكَرَ أَنْ يَكُونَ اللَّهُ عَزَّ وَجَلَّ فَوْقَ الْعَرْشِ - : مَشْهُورَةٌ . رَوَاهَا عَبْدُ الرَّحْمَنِ بْنُ أَبِي حَاتِمٍ وَغَيْرُهُ .

และ ได้มีการแอบอ้าง มาลิก ,ชาฟิอี และ อะหมัด โดยผู้ที่มีความเห็นขัดแย้งกับพวกเขาในบางส่วนของอะกีดะฮของพวกเขา (ของ มาลิก ,ชาฟิอี และ อะหมัด) และเรื่องราวอบียูซุบ ในการขอให้ บะชีร อัลมะรีสีย์ ทำการเตาบัต เมื่อเขาได้คัดค้าน ว่า อัลลอฮ ผู้ทรง สูงส่ง และ ทรงเลิศยิ่ง อยู่หนืออะรัช (เป็นเรื่องราว) ที่รู้กันแพร่หลาย ,อับดุรเราะหมาน บิน อบีหาติม และอื่นจากเขาได้รายงานมัน- ดู ชัรหุอะกีดะฮอัฏเฏาะหาวียะฮ เล่ม ๒ หน้า ๓๘๗
@@@@

บะ ชีร อัลมะรีสีย์ เป็นพวกญะฮมียะฮ ที่คัดค้าน การอยู่เหนืออะรัช ของอัลลอฮ จึงถูกขอให้ทำการเตาบัต เราจะสังเกตได้ว่า พวกที่คัดค้าน เรื่อง การอยู่เบื่องสูงของอัลลอฮ พยายามทุกอย่างที่จะลบล้างหะดิษ และอายะฮ อัลกุรอ่าน โดยนำ ทัศนะคนนั้น คนนี้ แม้แต่หะดิษเฎาะอีฟ ก็เอามาอ้าง

นี่คือคำยืนยันของปราชญมัซฮับหะนะฟี ต่ออะกีดะฮของอบูหะนีฟะฮ คืออิบนุอะบิลอิซ อัลหะนะฟีย์ กล่าวว่า

وَكَلَامُ السَّلَفِ فِي إِثْبَاتِ صِفَةِ الْعُلُوِّ كَثِيرٌ جِدًّا : فَمِنْهُ : مَا رَوَى شَيْخُ الْإِسْلَامِ أَبُو إِسْمَاعِيلَ الْأَنْصَارِيُّ فِي كِتَابِهِ " الْفَارُوقِ " ، بِسَنَدِهِ إِلَى أَبِي مُطِيعٍ الْبَلْخِيِّ : أَنَّهُ سَأَلَ أَبَا حَنِيفَةَ عَمَّنْ قَالَ : لَا أَعْرِفُ رَبِّي فِي السَّمَاءِ أَمْ فِي الْأَرْضِ ؟ فَقَالَ : قَدْ كَفَرَ ، لِأَنَّ اللَّهَ يَقُولُ : الرَّحْمَنُ عَلَى الْعَرْشِ اسْتَوَى [ طه : 5 ] وَعَرْشُهُ فَوْقَ سَبْعِ سَمَاوَاتٍ ، قُلْتُ : فَإِنْ قَالَ : إِنَّهُ عَلَى الْعَرْشِ ، وَلَكِنْ يَقُولُ : لَا أَدْرِي آلْعَرْشُ فِي السَّمَاءِ أَمْ فِي الْأَرْضِ ؟ قَالَ : هُوَ كَافِرٌ ، لِأَنَّهُ أَنْكَرَ أَنَّهُ فِي السَّمَاءِ ، فَمَنْ أَنْكَرَ أَنَّهُ فِي السَّمَاءِ فَقَدْ كَفَرَ

“และ คำพูด สะลัฟ เกี่ยวกับการรับรองคุณลักษณะการอยู่เบื้องสูง นั้นมากมายยิ่งนัก และส่วนหนึ่ง จากมันคือ สิ่งที่ ชัยคุลอิสลาม อบูอิสมาอิลอันอันศอรีย์ ในหนังสือของเขา ชื่อ อัลฟารูก ด้วยสายรายงาน สืบไปยัง อบีอัลมุเฏียะ อัลบัลคีย์ ว่า “แท้จริงเขาได้ถาม อบูหะนีฟะฮ เกี่ยวกับผู้ที่ กล่าวว่า “ฉันไม่รู้ว่าพระเจ้าของฉัน อยู่บนฟ้าหรืออยู่บนพื้นดิน? แล้วเขา(อบูหะนีฟะอ)กล่าวว่า “เขาได้ปฏิเสธศรัทธาแล้ว เพราะแท้จริง อัลลอฮตรัสว่า “ พระเจ้าผู้ทรงเมตตา ทรงประทับบน/เหนืออะรัช – ฏอฮา/๕ และอะรัช ของพระองค์ อยู่เหนือฟากฟ้าทั้งเจ็ด ,ข้าพเจ้า กล่าวว่า “ถ้าเขากล่าวว่า “ แท้จริงพระองค์ทรงอยู่บนอะรัช แต่ เขากล่าวว่า “ฉันไม่รู้ว่า อะรัช อยู่บนฟ้า หรืออยู่บนพื้นดิน ? เขา(อบูหะนีฟะฮ)กล่าวว่า “ เขาเป็นกาเฟร “ เพราะเขา คัดค้าน ว่าแท้จริงพระองค์ อยู่บนฟากฟ้า เพราะผู้ใด คัดค้าน ว่า แท้จริง พระองค์ อยู่บนฟากฟ้า แน่นอน “เขาได้ปฏิเสธศรัทธาแล้ว – ดู ชัรหุอะกีดะฮอัฏเฏาะหาวียะฮ เล่ม ๒ หน้า ๓๘๗

การปฎิเสธ การอยู่เบื้องสูงของอัลลอฮนั้น อาชาอิเราะบางกลุ่มพยายามที่จะเอาทัศนะต่างๆของปราชญ์มาหักล้างจนสุดๆ
พร้อม กับพยายามดิสเครดิตอุลามาอฺที่เห็นต่างกับตนเพื่อให้หมดความเชื่อถือ ซึ่งมันไม่มีทางที่จะทำลายเขาได้ตราบใดที่มีหลักฐานจากอัลกุรอ่านและหะดิษมา กมาย ยืนยันการอยู่เบื้องสูงของอัลลอฮ
อิหม่ามอัลบัยฮะกี ได้ยืนยัน คำพูดอบูหะนีฟะฮที่ว่า
الله تبارك وتعالى في السماء دون الأرض
อัลลอฮ ผู้ทรงบริสุทธิ์ ผู้ทรงสูงส่ง อยู่บนฟากฟ้า ไม่ใช่แผ่นดิน
แล้วอิหม่ามอัลบัยฮะกีกล่าวว่า
قلت : لقد أصاب أبو حنيفة رضي الله عنه فيما نفى عن الله عز وجل من الكون في الأرض . وفيما ذكر من تأويل الآية وتبع مطلق السمع في قوله : إن الله عز وجل في السماء ومراده من تلك والله أعلم ،

ข้าพเจ้า กล่าวว่า “ อบูหะนีฟะฮ(ร.ฎ) นั้นถูกต้อง ในสิ่งที่เขาปฏิเสธ ว่าอัลลอฮ อยู่บน พื้นดิน และในสิ่งที่เขาได้ระบุ จากการอธิบายอายะฮ และปฏิบัติตามความหมายกว้างๆที่ได้ยินมา ในคำพูดของเขาที่ว่า แท้จริงอัลลอฮ ผู้ทรงเกรียงไกร ผู้ทรงเลิศยิ่ง อยู่บนฟากฟ้า และความมุงหมายของเขาจากดังกล่าว –วัลลอฮุอะลัม ๒/๔๔๒

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น