อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันจันทร์ที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2561

ฮุก่มการรับประทานสัตว์เชือดพลีของชีอะฮฺรอฟิเฎาะฮฺ ( ذَبَائِحُ الشِيْعَة )








{ คุยกันก่อนอ่าน : พี่น้องที่จะไม่อ่านเกี่ยวกับการเท้าความสามารถอ่านหุก่มของเรื่องนี้ได้เลยโดยอ่านข้ามไปสามย่อหน้าจากนี้,ในข้อเขียนนี้สวนใหญ่จะใช้คำว่าอาหารแทนคำว่าสัตว์พลีจึงเรียนมาให้ทราบนะครับเกรงจะเข้าใจผิดกันว่าหมายถึงทุกอย่างที่ชีอะฮทำเป็นอาหาร }





ไม่นานมานี้ผมถูกสักถามจากพี่น้องบางสวนเกี่ยวกับการรับประทานอาหารในร้านของชีอะฮฺซึ่งอยู่ในเขตรั้วมหาวิทยาลัยทำให้ผู้ถามเกี่ยวกับเรื่องนี้รู้สึกกังวลเป็นพิเศษเนื่องจากมีกลุ่มพี่น้องมุสลิมีนและมุสลิมะฮฺชาวซุนนีย์เราจำนวนมากเดินเข้าออกร้านดังกล่าวเป็นจำนวนมาก





ในร้านอาหารดังกล่าวก็เต็มไปด้วยอาหาร ไม่ว่าจะเป็นเนื้อสัตว์,ของคาว,และของหวานที่ถูกปากน่ารับประทานตกแต่งไปด้วยสีสันและรูปทรงตามเทรนของวัยรุ่นที่มักจะนิยมรับประทานกัน





ในขณะเดียวกันวันสองวันมานี้ผมดันไปเปิดเจอคลิปวิดิโอและข่าวสารบ้านเมืองในโลกอาหรับที่เป็นข้อเขียน ปรากฎว่ามีการแจกจ่ายอาหารของกลุ่มชีอะฮฺอิหม่ามสิบสองส่งตรงจากประเทศอิหร่านเลี้ยงอาหารละศิลอดให้กับมุสลิมซุนนีย์เราในปาเลสไตน์ จึงทำให้ผมรู้สึกหวาดวิตกถึงความเข้าใจอันคลาดเคลื่อนนี้จะมีผลทำให้มุสลิมไทยเราจำนวนไม่น้อยเลยจะเข้าใจไปว่าซุนนีย์เราสามารถรับประทานสัตว์พลีของชีอะฮฺได้จึงก่อเกิดข้อเขียนนี้ขึ้นมาเพื่อให้พี่น้องทราบถึงข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ อินชาอัลลอฮฺ





การรับประทานสัตว์พลีของกลุ่มชีอะฮฺถือว่าห้ามรับประทานด้วยกับการพิจรณาตามตัวบทและหลักฐานของศาสนาทำให้เราทราบว่าสัตว์พลีของมุสลิมและอะฮลุลกิตาบนั้นสามารถรับประทานได้ แต่สัตว์พลีของมุชริกีน,มะญูซี,และผู้ที่ตกมุรตัดนั้นไม่เป็นที่อนุญาตให้รับประทาน





นักวิชาการบางท่านกล่าวว่า





“ ภาพรวมอะกีดะฮฺและหลักการปฏิบัติของชีอะฮนั้นแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนเลยว่าพวกเขาออกจากศาสนาอิสลามไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นความเชื่อของพวกเขาที่ว่า พระมหาคัมภีร์กุรอานถูกบิดเบือน,บรรดาอิหม่ามของพวกเขานั้นมีความหยั่งรู้เกี่ยวกับเรื่องเร้นลับทั้งเชื่อว่าพวกเขานั้นมะอฺซูมปราศจากบาปและความบกพร่อง พวกเขานั้นขอช่วยเหลือ (อิสติฆอษะฮฺ) จากบรรดาคนตาย รวมถึงขอดุอาอฺจากพวกเขาด้วย ทั้งพวกเขายังทำการสุญูดต่อกุโบรต่างๆของคนตายที่เขานับถือ พวกเขาด่าทอและตักฟีรต่อกลุ่มคนที่ประเสริฐที่สุดถัดจากบรรดานบี และบรรดาร่อซูล นั้นคือบรรดาซอฮาบะฮของท่านนบีมุหัมหมัด “





เช่นเดียวกันผมจะขอยกฟัตวาจากลัดนะฮดาอิมะฮที่ได้ถูกถามเกี่ยวกับปัญหาว่าด้วยการรับประทานสัตว์พลีของพวกชีอะฮญะอฺฟะรียะฮฺที่พวกเขานั้นวิงวอนขอดุอาอฺกับท่านอะลีย์,ท่านหะซัน,ท่านหุเซน,และคนอื่นๆ





โดยที่ลัจนะฮดาอิมะฮตอบว่า





“ หากว่ามันเป็นไปตามนั้น คือ พวกชีอะฮญะอฺฟะรียะฮพวกนี้วิงวอนขอดุอาอฺจากท่านอะลีท่านหะซันท่านหุเซนและคนอื่นๆ ถือว่าพวกชีอะฮพวกนี้นั้นเป็นมุชริกีนออกจากศาสนาอิสลามแล้ว “





ฮัมซะฮฺ ขำวิลัย


18/9/1439


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น