อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันพุธที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2558

ทางภาษาของคำว่า "ลาอิลาฮะ อิลลัลลอฮ์"


คำว่า "ลาอิลาฮะ อิลลัลลอฮฺ" ถูกแจกแจ้งทางภาษา ดังนี้

คำว่า "ลา" (แปลว่า "ไม่") เป็นคำปฏิเสธที่เจาะจงชนิด (ลานาฟิยะฮ์ ลิล-ญินซีย์) เมื่ออยู่หน้าคำว่า "อิลาฮ์" จึงหมายถึง สรรพสิ่งใดๆ ไม่ว่าจะเป็นบุคคล วัตว์ วัตถ หรือนามธรรมใดๆ ที่จะมาเป็นชนิดของพระเจ้าได้นั้นย่อมไม่มี

ส่วนคำว่า "อิลาฮ์" (พระเจ้า) คือคำส่วนหน้า (หรืออิสม์) ของคำปฏิเสธ กล่าวคือคำบ่งบอก (หรือเคาะบัร) ของมันที่ถูกลบไป คือ "หักกเกาะฮ์" (แปลว่าที่เที่ยงแท้) ซึ่งประโยคเต็มของมันก็คือ "ลาอิลาฮะ หักเกาะฮ์) แปลว่า "สิ่งที่เป็นพระเจ้าที่เที่ยงแท้นั้นไม่มี" ตามด้วยคำต่อมาคือ "อิลลัลลอฮฺ" (นอกจากอัลลฮ์เท่านั้น)

คำว่า "อิลาฮ์" (พระเจ้า) หมายถึง สิ่งที่ยึดถือเป็นเจ้าด้วยการเคารพบูชากราบไหว้ คือพระองค์ผู้ซึ่งจิตใจทั้งหลายยึดถือเป็นสรณะและมุ่งหวังปรารถนาให้ได้รับความดีงาม และได้รับการขจัดปัดเป่าความชั่วร้ายออกไปจากชีวิต

สำหรับการตีความ(ตกดีร) เคาะบัรของประโยคนี้ว่า "ที่มีตัวตนหรือที่ถูกภักดี" แทนคำว่า "หักเกาะฮ์ หรือที่เที่ยงแท้" นั้นย่อมเป็นการตีความที่ผิดถนัด

เนื่องจากแท้จริงแล้วสิ่งที่ถูกเคารพภักดีนั้นมิใช่ไม่มี แต่มีอยู่มากมายเหลือเกิน ไม่ว่าจะเป็นรูปปั้น วัตถุ บรรดาบุคคลที่มีชีวิต หรือล่วงลับไปแล้ว ฯลฯ แต่ทว่า ล้วนเป็นสิ่งมดเท็จที่ถูกอุปโลกน์ขึ้นมาทั้งสิ้น ฉะนั้นการเคารพภักดีต่อสิ่งเหล่านั้นจึงถืเป็นโมฆะ (บาฏิล)


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น