อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันจันทร์ที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2557

สะลัฟและค่อลัฟคือใคร



คำว่า สะลัฟ และค่อลัฟ คือชื่อเรียกของคนต่างยุค โดยสะลัฟหมายถึงคนในยุค 300 ปีแรกโดยประมาณ ส่วนค่อลัฟ คือคนในยุคถัดมา
ท่านนบีมูฮัมหมัด ศ็อลล็อลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า

“ศตวรรษที่ดีที่สุดคือศตวรรษของฉัน แล้วยุคถัดมาที่เจริญรอยตามพวกเขา แล้วก็ยุคถัดมาที่เจริญรอยตามพวกเขา” บันทึกโดยอิหม่ามบุคคอรี

คำพูดของนบีข้างต้นนี้ มิใช่เป็นการรับรองรายบุคคลว่า ทุกคนในยุค 300 ปีแรกดีที่สุด เพราะยังมีคนในยุคต้นที่ปฏิเสธและหันห่างจากการศรัทธาอยู่จำนวนไม่น้อย แต่ท่านนบีได้พูดถึงภาพรวม โดยกล่าวถึงยุคที่ดีที่สุดเท่านั้น ที่เป็นเช่นนี้เพราะ ยุคต้นเป็นยุคที่เกิดเหตุการณ์ หรือยุคที่ใกล้เคียงกับการประทานอัลกุรอาน และซุนนะห์ของท่านรอซูล อีกทั้งบรรดาผู้คนในยุคต้นได้ยึดถือหลักการของศาสนากันอย่างเหนียวแน่น

และคำว่า สะลัฟ กับ ค่อลัฟ นี้มิใช่เป็นเพียงการแตกต่างในเรื่องยุคเพียงอย่างเดียว แต่คนทั้งสองยุคนี้ยังมีฐานความเชื่อที่แตกต่างต่างกัน ประเด็นหลักก็คือ การตีความอัลกุรอานในโองการที่มีหลายนัย โดยชาวสะลัฟยึดถือตามตัวบทหากในเรื่องนั้นไม่การอธิบายจากท่านนบี หรือบรรดาศอฮาบะห์

ส่วนความเชื่อของค่อลัฟ ยังอาศัยการตีความจากโองการที่มีหลายนัย ตัวอย่างเช่น ความหมายของอัลกุรอาน ซูเราะห์อัลฟัตฮ์ อายะห์ที่ 10

يد الله فوق أيديهم

ชาวสะลัฟ ให้ความหายว่า “มือของอัลลอฮ์อยู่เหนือมือพวกเขาเหล่านั้น”
ในขณะที่ชาวค่อลัฟตีความไปว่า “อำนาจของอัลลอฮ์อยู่เหนือมือพวกเขาเหล่านั้น”

จุดยืนของชาวสะลัฟ ในเรื่องนี้เช่นกรณีตัวอย่างที่ท่านอิหม่ามมาลิกีถูกถาม เกี่ยวกับความหมายของอายะห์ที่ว่า

الرحمان على العرش الاستوى

“ผู้ทรงเมตตาประทับอยู่บนบัลลังค์” ซูเราะห์ตอฮา อายะห์ที่ 5

ท่านอิหม่ามมาลิกีตอบว่า คำว่า ประทับ เป็นคำพูดที่รู้กันดีอยู่ ส่วนวิธีการว่าจะประทับอย่างไรนั้นไม่มีผู้ใดรู้ได้ และคำถามเช่นนี้เป็นคำถามที่อุตริ (บิดอะห์)

ปัจจุบันไม่มีชาวสะลัฟ หลงเหลืออยู่ เพราะไม่มีคนใน 300 ปีแรกมีชีวิตอยู่จนถึงขณะนี้ แต่ยังมีผู้ที่เจริญรอยตามแนวทางของพวกเขา
พระองค์อัลลอฮ์ได้ทรงกล่าวว่า

السابقون الأولون من المهاجرين والأنصار والدين اتبعوهم باحسان

رضى الله عنهم ورضواعنه

“บรรดาผู้รับอิสลามในช่วงต้นทั้งจากชาวมุฮาญีรีน และชาวอันศอร อีกทั้งบรรดาผู้ที่เจริญรอยตามพวกเขาด้วยดี พระองค์อัลลอฮ์พอพระทัยพวกเขา และพวกเขาก็พอใจต่อพระองค์เช่นกัน” ซูเราะห์อัตเตาบะห์ อายะห์ที่ 100

พวกเรานั้นแม้จะเป็นคนต่างยุค แต่เราก็สามารถที่จะเจริญรอยตามคนในยุคแรกได้ มิใช่ด้วยการเอาชื่อของพวกเขามาเรียกขานกันเพียงอย่างเดียว แต่ด้วยการนำเอาความเชื่อและแนวทางการปฏิบัติของพวกเขามายึดถือด้วย

ส่วนคำถามที่ว่าเดี๋ยวนี้เราไม่ต้องตาม ซุนนะห์ แล้วหรือ ?

ขอตอบว่า ผู้ที่ต้องการทางรอดยังคงต้องยึดซุนนะห์ของท่านนบีตราบจนกิยามะห์ เพียงแต่วันนี้มีการชูคำว่า สะลัฟ กันมาก จึงคำให้ผู้คนสงสัยว่า อาจจะเป็นคนละแนวทางกัน แต่ที่จริงแล้วคนสะลัฟ หรือคนในยุคแรกนั้น ก็คือคนที่ดำเนินตามแนวทางซุนนะห์นั่นแหละครับ


...................................................
คำตอบโดย อาจารย์ฟารีด เฟ็นดี้



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น