หน้าเว็บ

หน้าเว็บ

วันพฤหัสบดีที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ประเด็นเพื่อการถือศีลอด



1. อัศศิยาม الصيام  (การถือศีลอด)  ในทางภาษาหมายถึง  การระงับยับยั้ง  การนิ่งไม่พูด ส่วนในด้านศาสนาหมายถึง การงดเว้นจากการกิน การดื่ม การมีเพศสัมพันธ์ ตั้งแต่แสงอรุณขึ้น จนถึงดวงอาทิตย์ตก โดยตั้งเจตนาเพื่อการอิบาดะฮฺต่ออัลลอฮฺ    


อัลลอฮฺ ตะอาลา ทรงกำหนดการถือศีลอด ให้แก่ประชาชาติของมุฮัมมัด ศอลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะสัลลัม  เช่นเดียวกับที่เคยกำหนดมันไว้เหนือประชาชาติก่อนๆ  ดังดำรัสที่ว่า   “ โอ้บรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลาย การถือศีลอดนั้นได้ถูกกำหนดแก่พวกเจ้า เช่นเดียวกับที่ได้ถูกกำหนดแก่บรรดาผู้คนก่อนหน้าพวกเจ้า เพื่อพวกเจ้าจะได้ยำเกรง ”  (อัลบะเกาะเราะฮฺ อายะฮฺ 183) อายะฮฺประทานลงมาในวันจันทร์ เดือนชะอฺบาน ปีฮ.ศ.ที่ 2

2.ประโยชน์ของการถือศีลอด

1/ ด้านจิตวิญญาณ  การถือศีลอดจะฝึกความอดทนและความเข้มแข็งให้จิตใจ และก่อให้เกิดความตักวาต่อผู้เป็นเจ้า

2/ ด้านการอยู่ร่วมกัน การถือศีลอดจะสร้างความเป็นเอกภาพ ความเท่าเทียมกันให้กับผู้ที่อยู่ในสังคม อีกทั้งก่อให้เกิดความรักใคร่เห็นอกเห็นใจกันและเอื้อให้เกิดการทำดีต่อกัน

3/ ด้านสุขภาพร่างกาย การถือศีลอดจะชำระลำไส้ให้สะอาด จะฟื้นฟูกระเพาะอาหารให้ดีขึ้น และช่วยขจัดสิ่งเป็นพิษที่ตกค้างในร่างกาย รวมถึงทำให้ไขมันส่วนเกินถูกละลายไปด้วย

3.หุกุม(บทบัญญัติ)ของการถือศีลอด

การถือศีลอดในเดือนเราะมะฏอนนั้นเป็น วาญิบ โดยคำสั่งจากอัลกุรอาน และอัซซุนนะฮฺ ซึ่งมีตัวบทดังต่อไปนี้  อัลลอฮฺ ตะอาลาทรงตรัสว่า “ เดือนเราะมะฎอนนั้น เป็นเดือนที่อัลกุรอานได้ถูกประทานลงมาในฐานะเป็นข้อแนะนำสำหรับมนุษย์ และเป็นหลักฐานอันชัดแจ้งเกี่ยวกับข้อแนะนำนั้น และเกี่ยวกับสิ่งที่จำแนกระหว่างความจริงกับความเท็จ ดังนั้นผู้ใดในหมู่พวกเจ้าเข้าอยู่ในเดือนนี้แล้ว ก็จงถือศีลอดในเดือนนั้น ”    อัลบะเกาะเราะฮฺ อายะฮฺที่  185
 และจากอัลหะดีษ ท่านนบี ศอลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะสัลลัม กล่าวว่า อิสลามถูกวางรากฐานอยู่บนสิ่งห้าประการ 1- การปฏิญาณว่าไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลลอฮฺ และมุฮัมมัดเป็นศาสนทูตของพระองค์ 2- การละหมาด 3-Sample Image การจ่ายซะกาต 4- การทำฮัจญ์  5-  การถือศีลอดในเดือนรอมฎอน


4.ความประเสริฐแห่งเราะมะฏอน

เดือนเราะมะฏอนนั้นมีความประเสริฐอันยิ่งใหญ่ และมีคุณค่าเหนือเดือนอื่นใดทั้งสิ้น  ซึ่งมีหะดีษจำนวนมากได้กล่าวถึงเรื่องนี้ไว้ เช่น จากอบู ฮุรอยเราะฮฺ ได้รายงานว่า ท่านเราะซูล ศอลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะสัลลัม. ได้กล่าวว่า  ผู้ใดถือศีลอดในเดือนรอมฎอน ด้วยอีหม่านและหวังผลรางวัลจากอัลลอฮฺ เขาจะได้รับการอภัยในความผิดที่กระทำมาก่อน

5.เงื่อนไขต่างๆของการถือศีลอด

การถือศีลอดเดือนเราะมะฎอนจะเป็นวาญิบเหนือมุสลิม ก็ต่อเมื่อ มุสลิมคนนั้นต้องมีสติปัญญา บรรลุศาสนะภาวะ   สำหรับมุสลิมะฮฺ ยังจะต้องเพิ่มเงื่อนไขไปอีกว่า จะต้องสะอาดจากเลือดประจำเดือน และเลือดนิฟาส(เลือดหลังคลอดบุตร)

6.การถือศีลอดของคนเดินทาง

สำหรับมุสลิมที่ต้องเดินทาง(ตามเงื่อนไขที่ละหมาดย่อได้) ศาสนาได้อนุโลมให้เขาไม่ต้องถือศีลอด และให้เขาถือศีลอดชดใช้ภายหลังในวันที่ขาดได้  ดังดำรัสของอัลลอฮฺ ตะอาลาที่ว่า “ แล้วผู้ใดในพวกเจ้าป่วยหรืออยู่ในการเดินทางก็ให้ถือใช้ในวันอื่น ”ซูเราะฮฺ อัลบะเกาะเราะฮฺ  อายะฮฺ 184

สำหรับผู้ที่การถือศีลอดขณะเดินทางไม่เป็นการลำบากสำหรับเขาแล้ว การถือศีลอดย่อมเป็นการดีกว่า ส่วนผู้ที่ได้รับความยากลำบากการไม่ถือศีลอดย่อมเป็นการดีกว่า ดังที่มีรายงานจากท่านอบูสะอีด อัลคุดรีย์ ว่า พวกเราเคยร่วมทำสงครามกับท่านเราะซูล ศอลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะสัลลัม ในเดือนรอมฎอน โดยบางส่วนของพวกเราถือศีลอด และบางส่วนมิได้ถือ โดยแต่ละฝ่ายก็ไม่ได้ก้าวก่ายกันและกัน พวกเขามีความเห็นว่า หากใครแข็งแรงแล้วถือศีลอด มันก็เป็นการดีสำหรับเขา ส่วนใครอ่อนแอและไม่ได้ถือศีลอด มันก็เป็นการดีสำหรับเขาเช่นกัน

7.กรณีผู้ป่วย

สำหรับมุสลิมที่เจ็บป่วยในเดือนเราะมะฏอน มีข้อพิจารณาดังนี้ ถ้าเขาสามารถถือศีลอดโดยไม่ปัญหาใดๆก็ให้เขาถือศีลอด แต่หากไร้ความสามารถก็ไม่ต้องถือศีลอด

ส่วนกรณีผู้ที่คาดว่าการเจ็บป่วยของตนจะหายก็ให้รอจนกระทั่งหายดีแล้วค่อยถือศีลอดชดใช้ในวันที่ขาดไปภายหลัง แต่สำหรับผู้ที่การเจ็บป่วยของเขาไม่มีหวังหายก็ไม่ต้องถือศีลอด(และไม่มีการชดใช้) โดยให้เลี้ยงอาหารแก่คนยากจนตามจำนวนวันที่ขาด เป็นจำนวนหนึ่งมุด (หนังสือฟิกฮุซซุนนะฮฺ กล่าวว่า อาหารที่ให้แก่คนยากจนนั้นกำหนดไว้ประมาณ หนึ่งกันตัง หรือครึ่งกันตัง หรือหนึ่งลิตร ตามทัศนะที่แตกต่างกัน เพราะไม่ปรากฏอย่างชัดเจนในอัซซุนนะฮฺว่ามีปริมาณที่แน่นอนเท่าใด)  ตามพระดำรัสที่ว่า  “ และหน้าที่ของบรรดาผู้ที่ถือศีลอดด้วยความยากลำบากยิ่ง(โดยที่เขาได้งดเว้นการถือ)นั้นคือการชดเชย อันได้แก่การให้อาหาร(มื้อหนึ่ง)แก่คนมิสกีนหนึ่งคน(ต่อการงดเว้นจากการถือหนึ่งวัน) ” อัลบะเกาะเราะฮฺ อายะฮฺที่ 184

8.กรณีผู้สูงอายุ

สำหรับมุสลิมและมุสลิมะฮฺที่บรรลุวัยชรา ไม่มีกำลังวังชาจะถือศีลอด เขาเป็นผู้ได้รับการผ่อนผันไม่ต้องถือศีลอดและไม่ต้องชดใช้ แต่เลี้ยงอาหารคนยากจนหนึ่งมุดตามจำนวนวันที่ขาดถือศีลอด ดังหะดีษที่รายงานจากท่านอิบนุ อับบาส ดังนี้ ผู้สูงอายุได้รับการผ่อนผันจากการถือศีลอด โดยให้จ่ายอาหารให้แก่คนจนในแต่ละวัน และไม่ต้องถือศีลอดชดใช้

9.กรณีหญิงมีครรภ์และหญิงที่ต้องให้นมลูก

สำหรับมุสลิมะฮฺที่ตั้งครรภ์และเกรงว่าจะเกิดอันตรายกับตนเองหรือกับชีวิตในครรภ์หากถือศีลอด นางก็เป็นผู้ได้รับการผ่อนผันจากการถือศีลอด โดยให้ถือชดใช้ภายหลังเมี่อเหตุที่ได้รับการผ่อนผันหมดลงแล้ว และหากนางมีฐานะดีก็ให้นางเลี้ยงอาหารคนยากจนปริมาณหนึ่งมุดพร้อมกับการถือศีลอดชดใช้ก็จะเป็นการดีที่สุดและได้รับผลบุญที่ยิ่งใหญ่

ในหุกุมเดียวกันนี้ให้นำมาใช้กับหญิงที่ต้องให้นมลูก ซึ่งนางกลัวว่าหากนางถือศีลอดแล้วจะเกิดอันตรายกับตนเองหรือกับลูกของนาง และนางไม่พบใครที่จะมาให้นมลูกแทนนางได้ ซึ่งหุกุมนี้นำมาจากอายะฮฺที่ว่า “ และหน้าที่ของบรรดาผู้ที่ถือศีลอดด้วยความยากลำบากยิ่ง(โดยที่เขาได้งดเว้นการถือ)นั้นคือการชดเชย อันได้แก่การให้อาหาร(มื้อหนึ่ง)แก่คนมิสกีนคนหนึ่ง(ต่อการงดเว้นจากการถือหนึ่งวัน) ” ซูเราะฮฺ อัลบะเกาะเราะฮฺ อายะฮฺที่ 184

(หมายเหตุจากบรรณาธิการ: นักวิชาการมีทัศนะที่แตกต่างกันในเรื่องการชดใช้การถือศีลอดของหญิงมีครรภ์หรือหญิงให้นมลูก สำหรับความเห็นของเชคดร.ยูซุฟ อัลเกาะเราะฎอวีย์นั้น ให้ชดใช้ด้วยการเลี้ยงอาหารคนจนตามจำนวนวันที่ขาดอย่างเดียว ซึ่งเป็นทัศนะที่กองบรรณาธิการถือว่ามีน้ำหนัก วัลลอฮุ อะอฺลัม )

10.ข้อพึงระวัง

ผู้ที่ต้องถือศีลอดชดใช้ของเดือนเราะมะฏอนที่ผ่านมา แล้วได้ละเลยไม่ทำการชดใช้โดยปราศจากเหตุอันควร จนกระทั่งมาถึงเราะมะฎอนใหม่ เขาจะต้องเลี้ยงอาหารคนยากจนตามจำนวนวันที่เขาต้องถือศีลอดชดใช้ด้วย (ต้องถือศีลอดด้วย เลี้ยงอาหารด้วย)

11.รุกุ่นของการถือศีลอด  ได้แก่

1/ การตั้งเจตนา  นั่นคือ การตั้งใจว่าจะถือศีลอดเพื่อปฏิบัติตามคำสั่งใช้ของอัลลอฮฺ ตะอาลา หรือเพื่อเป็นการแสวงหาความใกล้ชิดต่อพระองค์ ดังที่ท่านนบี ศอลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะสัลลัม ได้กล่าวว่า ทุกการงานนั้นขึ้นอยู่กับเจตนา
มีข้อสังเกตุสำหรับการตั้งเจตนาว่า หากเป็นการถือศีลอดฟัรฎูแล้วต้องมีการตั้งเจตนาในตอนกลางคืนก่อนแสงอรุณขึ้น  ตามอัลหะดีษที่กล่าวไว้ว่า ผู้ที่ไม่ได้ตั้งเจตนาเพื่อถือศีลอดก่อนแสงอรุณขึ้น ก็ไม่มีการถือศีลอดสำหรับเขา

แต่ถ้าเป็นการถือศีลอดสุนัตการตั้งเจตนาหลังจากแสงอรุณขึ้นจนกระทั่งเป็นตอนกลางวันแล้วก็ถือว่าใช้ได้ ตราบใดที่ยังไม่ได้ดื่มกินอาหารเข้าไป
2/ การยับยั้งตนเองจากสิ่งที่จะทำให้เสียการถือศีลอด คือ การกิน การดื่ม การมีเพศสัมพันธ์
3/  ช่วงเวลาในการถือศีลอด หมายความว่า การถือศีลอดต้องเป็นในช่วงกลางวัน นับตั้งแต่แสงอรุณขึ้นจนกระทั่งดวงอาทิตย์ตก ดังนั้นผู้ที่ถือศีลอดกลางคืนและดื่มกินตอนกลางวันนั้นไม่นับเป็นการถือศีลอดโดยเด็ดขาด

12.ข้อควรปฎิบัติต่างๆในการถือศีลอด
1/ การรีบในการละศีลอด หลังจากรู้แน่ชัดว่าดวงอาทิตย์ตกแล้ว  เรื่องนี้มีอัลหะดีษกล่าวว่าผู้คนจะยังอยู่ในความดีงาม ตราบที่พวกเขารีบเร่งในการละศีลอด
2/ ละศีลอดด้วย อินผลัมสด หรืออินผลัมแห้ง หรือน้ำ โดยทั้งสามสิ่งมีคุณค่าลดหลั่นกันตามลำดับ
3/ กล่าวดุอาอ์ขณะละศีลอดว่า

‏‏ ذَهَبَ الظَّمَأُ وَابْتَلَّتْ الْعُرُوقُ وَثَبَتَ الْأَجْرُ إِنْ شَاءَ اللَّهُ

ความกระหายมลายหายไป เส้นเลือดทั้งหลายก็ชุ่มฉ่ำ ผลรางวัลมีแน่นอน อินชาอัลลอฮฺ

4/ กินอาหารสะหูร ซึ่งหมายถึงการกินและดื่มในช่วงท้ายของคืนเพื่อเตรียมถือศีลอด  เนื่องจากมีอัลหะดีษกล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ความแตกต่างระหว่างการถือศีลอดของเรากับของชาวคัมภีร์ ก็คือ การกินอาหารสะหูร
5/ ล่าช้าในการกินอาหารสะหูร จนถึงตอนท้ายสุดของกลางคืน ดังหะดีษที่ว่า ประชาชาติของฉันจะยังอยู่ในความดีงาม ตราบที่พวกเขารีบเร่งในการละศีลอด และล่าช้าในการกินอาหารสะหูร
ซึ่งเวลาอาหารสะหูรที่มีกล่าวไว้ในอัลหะดีษนั้น คือ มีช่วงห่างระหว่างการกินสะหูรกับการอะซานละหมาดซุบฮฺ เท่ากับระยะเวลาอ่านอัลกุรอาน 50 อายะฮฺ
ผู้ใดที่ไม่แน่ใจว่าแสงอรุณขึ้นหรือยัง ก็ให้เขารับประทานได้จนกระทั่งแน่ใจว่าแสงอรุณขึ้นแล้วจึงหยุด  ดังอายะฮฺ อัลกุรอานที่ว่า และพวกเจ้าจงกิน จงดื่ม จนกระทั่งเส้นขาว จะประจักษ์แก่พวกเจ้าจากเส้นดำ เนื่องจากแสงอรุณ(อัลบะเกาะเราะฮฺ อายะฮฺที่ 187)

13.สิ่งน่ารังเกียจขณะถือศีลอด

1/  กลั้วปากและสูดน้ำเข้าจมูกลึกเกินไป ขณะถือศีลอด เพราะการกระทำดังกล่าวเกรงว่าจะทำให้น้ำเข้าไปข้างในร่างกายได้
2/  การจูบของสามีและภรรยา เพราะอาจนำไปสู่การทำให้การถือศีลอดเสียไป เนื่องจากการหลั่งของน้ำมะนียฺ หรืออาจนำไปสู่การมีเพศสัมพันธ์ซึ่งยังจะต้องเสียกัฟฟาเราะฮฺอีกด้วย
3/  การมองดูภรรยาอย่างไม่ยับยั้งชั่งใจต่อความรู้สึกของกำหนัด
4/  คิดจินตนาการในเรื่องเพศสัมพันธ์
5/  การสัมผัสผู้หญิงด้วยมือหรือแตะต้องตัวนาง
6/  การชิมรสอาหาร

14.สิ่งที่จะทำให้เสียการถือศีลอด

· กลั้วปากและสูดน้ำเข้าจมูกลึกเกินพอดีในการอาบน้ำละหมาดหรืออื่นๆจนกระทั่งมีน้ำเข้าไปในลำคอหรือจมูก (บางทัศนะว่าไม่เสียการถือศีลอดเนื่องจากไม่ได้เจตนา)
· อสุจิเคลื่อนออกมาโดยมีสาเหตุจากการมองอย่างต่อเนื่องไม่ยับยั้ง การคิดหมกมุ่นทางเพศ การจูบ การสัมผัส (ถือว่าเป็นการทำให้น้ำอสุจิเคลื่อนออกมาโดยเจตนา จึงต่างกับการฝันเปียกตอนกลางวัน)
· เจตนาอาเจียน
· การมีเลือดประจำเดือน แม้ว่าจะเป็นช่วงสุดท้ายก่อนตะวันตก
· การกิน การดื่ม การมีเพศสัมพันธ์ โดยถูกบังคับSample Image
· การกิน การดื่ม โดยคิดว่าไม่เข้าเวลาถือศีลอด แต่ปรากฏชัดภายหลังว่าแสงอรุณได้ขึ้นไปแล้วในตอนที่เขายังดื่มกินอยู่
· การกิน การดื่ม โดยคิดว่าได้เวลาละศีลอดแล้ว แต่ปรากฏภายหลังว่าดวงอาทิตย์ยังไม่ตก
· ผู้ที่กินหรือดื่มด้วยการลืม แต่ไม่ระงับการกินดื่มต่อไป โดยคิดว่าการระงับนั้นไม่เป็นวาญิบ
· การตั้งใจละศีลอดในขณะที่คนๆนั้นกำลังถือศีลอด แม้ว่าในวันนั้นเขาไม่ได้กินอาหารและเครื่องดื่ม
· ตกศาสนา (เป็นมุรตัด) แม้ว่าภายหลังเขาจะกลับคืนอิสลาม

สิ่งที่ทำให้เสียการถือศีลอดที่กล่าวมาข้างบนนั้น ผู้ศีลอดต้องถือชดใช้ในวันที่เสียไปในภายหลัง โดยไม่ต้องจ่ายกัฟฟาเราะฮฺ

ส่วนการกระทำที่ทำให้เสียการถือศีลอดสองประการต่อไปนี้ ผู้ถือศีลอดต้องถือชดใช้และต้องจ่ายกัฟฟาเราะฮฺด้วย นั่นคือ
-  การมีเพศสัมพันธ์โดยเจตนาไม่ได้ถูกบังคับ
-  การกิน การดื่ม โดยปราศข้อผ่อนผันของศาสนา

การจ่ายกัฟฟาเราะฮฺนั้น ก็ให้เลือกทำหนึ่งในสามประการดังต่อไปนี้
1 ปล่อยทาส
2 ถือศีลอดสองเดือนติดต่อกัน
3 เลี้ยงอาหารคนจน 60 คน

15.สิ่งอนุญาตให้ผู้ถือศีลอดทำได้

-         การแปรงฟันตลอดทั้งวัน(แต่ต้องระวังยาสีฟันสมัยนี้ที่มีรสซ่า อาจผ่านลงสู่ลำคอได้ ที่ดีควรใช้ไม้ข่อย)
-         การบรรเทาความร้อนโดยพึ่งน้ำ เช่น การรดน้ำลงบนร่างกาย  การดำน้ำ
-         การกินการดื่ม การมีเพศสัมพันธ์ ในเวลากลางคืน จนกว่าจะถึงเวลาแสงอรุณขึ้น
-         การเดินทางที่จำเป็นและไม่ผิดหลักศาสนา  แม้จะรู้ว่าอาจไม่ได้ถือศีลอด
-         การใช้ยาที่หะลาล ที่ไม่ใช่เป็นการกิน  เช่นการฉีดยาเพื่อรักษา (แต่ต้องไม่ใช่การให้น้ำเกลือเพราะถือว่าเป็นสารอาหารชนิดหนึ่ง)
-         การเคี้ยวอาหารให้เด็กเล็ก ซึ่งไม่มีใครเคี้ยวให้ แต่ต้องระวังอย่าให้อาหารหลุดเข้าสู่ลำคอ
-         การใช้น้ำหอม

16.ข้อผ่อนผันให้แก่ผู้ถือศีลอด

-         การกลืนน้ำลายแม้ว่ามันจะมาก
-         ผู้ที่อาเจียนโดยไม่ได้เจตนา  แล้วได้กลืนบางสิ่งในอาเจียนลงคอไป แม้ว่าสิ่งนั้นมันจะออกมาถึงปลายลิ้น
-         การกลืนแมลงวันลงคอโดยไม่ได้เจตนา
-         สูดเอาควันรถ ควันจากฟืนหุงต้ม หรือควันอื่นๆที่เลี่ยงไม่ได้
-         ตื่นนอนตอนเช้าในสภาพมีญะนาบะฮฺ
-         ฝันเปียกในตอนกลางวัน
-         การกิน หรือดื่ม ด้วยการลืม

17.ปิดท้าย คำเตือน
การถือศีลอดมิใช่เพียงงดอาหารและเครื่องดื่มเท่านั้น แต่เป็นงดจากสิ่งที่อัลลอฮฺทรงห้ามประการอื่นด้วย ดังอัลหะดีษที่ได้เตือนเรื่องนี้ไว้ ว่า
 ผู้ใดไม่ละทิ้งคำพูดเท็จและการกระทำที่มดเท็จ ก็ไม่มีความจำเป็นอันใดที่เขาจะละเว้นอาหารและเครื่องดื่มของเขาเพื่ออัลลอฮฺ
และ
บางทีผู้ถือศีลอดก็ไม่ได้รับอะไรจากการถือศีลอดของเขานอกจากความหิว และบางทีผู้ที่ลุกขึ้นละหมาดกลางดึกก็ไม่ได้รับสิ่งใดจากการลุกขึ้นของเขา นอกจากการอดนอน


والله أعلم بالصواب

 ********************************
 อบู ฮัมซะฮ์   เรียบเรียง

เยาวชนฆุรอบาอ์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น