อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันจันทร์ที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2560

การละหมาดผู้มีหะดัษจะไม่ถูกตอบรับ



“การละหมาดผู้มีหะดัษจะไม่ถูกตอบรับ จนกว่าเขาจะอาบน้ำละหมาด” (บุคอรี มุสลิม)
อาอิชะฮฺ เล่าว่า นบี กล่าวว่า«وَيْلٌ لِلْأَعْقَابِ مِنَ النَّارِ ، أَسْبِغُوا الوُضُوءَ» [البخاري 241]
"ความหายนะจากนรกจงประสบแด่ส้นเท้า(ที่ไม่ล้างให้ทั่วถึง) ท่านจงอาบน้ำละหมาดให้ทั่วถึงเถิด" (บุคอรี)

นบีเห็นชายที่ไม่ได้ล้างเล็บเท้าบางส่วน จึงให้ชายคนนั้นกลับไปอาบน้ำละหมาดให้ดีอีกครั้ง (มุสลิม)
เชคอิบนุอุษัยมีน ว่า: "การล้างมือจนถึงข้อศอก จากปลายนิ้วมือจนถึงข้อศอกหนึ่งครั้ง ต้องระวังว่าเขาได้ล้างฝ่ามือด้วยหรือไม่ " (อัฎฎิยาอุลลามิอฺ เล่ม 2 หน้า 52) ต้องระวังบริเวณข้างๆหูด้วย ขอบเขตใบหน้า จากโคนผมด้านบนจนถึงบริเวณคาง จากหูข้างหนึ่งไปอีกด้านหนึ่ง

ส่วนเช็ดศีรษะ บางคนเช็ดแค่ส่วนหน้าเท่านั้น ต้องเช็ดให้ทั่วศีรษะ

นบีท่านเช็ดศีรษะ โดยใช้มือทั้งสองข้างเริ่มเช็ดบริเวณศีรษะด้านหน้า ไล่ไปทางด้านหลัง จากนั้นเช็ดย้อนกลับมาด้านหน้าอีกครั้ง จึงล้างเท้าทั้งสองข้าง (บุคอรี มุสลิม) ล้างตามซอกนิ้วมือและนิ้วเท้า นบีจะถูนิ้วเท้าด้วยนิ้วก้อย" (อบูดาวุด 148) จงถูตามซอกนิ้วมือนิ้วเท้าของท่านด้วย” (อัตติรมิ 39)

อย่าใช้น้ำสิ้นเปลืองฟุ่มเฟือย ﴿ وَلَا تُسۡرِفُوٓاْۚ إِنَّهُۥ لَا يُحِبُّ ٱلۡمُسۡرِفِينَ ٣١ ﴾ [الأعراف: ٣١] อย่าฟุ่มเฟือย แท้จริงพระองค์ไม่รักผู้ที่ฟุ่มเฟือย” (อัลอันอาม :141) "นบีอาบน้ำด้วยน้ำหนึ่งศออฺ ถึงห้ามุด และ วุฎูอใช้น้ำเพียงหนึ่งมุด" (บุคอรียฺ มุสลิม)

(1 ศออฺ= 4 มุด และ 1 มุด= 2 อุ้งมือ) นบีห้ามวุฎูอล้างอวัยวะแต่ละส่วนมากกว่าสามครั้ง นบีทำวุฎูอ ส่วนละสามครั้ง ใครที่เพิ่มสิ่งใดๆเกินกว่านี้ ถือว่าทำสิ่งที่เกินเลยไม่ถูกต้อง (นะซาอี 140)


คำสั่งห้ามทำการกราบสิ่งอื่นใดนอกจากอัลเลาะฮ


คำสั่งห้ามทำการกราบสิ่งอื่นใดนอกจากอัลเลาะฮตะอาลา
ด้วยลักษณะการกราบที่ส่วนของอวัยวะสุญูดทั้ง7เกี่ยวข้อง
#1ใบหน้า2-3มือขวามือซ้าย4-5เข่าซ้ายเข่าขวา6-7เท้าช้าย-เท้าขวา..
#เราได้รับหะดีสนี้จากหนังสือหะดีสริยาดุชชอลิหีนของอีม่ามนาวาวี.
คือ
عن ابي هريرة ض عن النبي ص قال:((لو كنت آمرا احدا أن يسجد لأحد لأمرت المرأة أن تسجد لزوجها(#رواه الترمذي وقال:حديث حسن#
จากอะบีฮุรอยเราะฮ.รฮ.จากนบี.ชล.กล่าวว่า
#หากสมมาตว่า
ฉันเป็นผู้บัญญัติคำสั่งให้คนนึงคนใดได้(ออกคำสั่งบังคับ)ที่จะให้คนนึงสุญูดแก่คนใดๆ
#แน่นอนฉันก็ต้องออกคำสั่งบังคับให้สตรีทำการสุญูดสามีของนาง
((แต่เพราะไม่มีคำสั่งใช้ในเรื่องนี้..))
#บันทึกโดยอีม่ามติรมีชีย.รม.และกล่าวว่า"เป็นหะดีสหะชัน"









ประชาชาติมุสลิมจะถูกรุมกินโต๊ะ




เหมือนที่ท่่านนบีได้กล่่าวไว้ชัดเจน

عَنْ ثَوْبَانَ قَالَ قَالَ رَسُولُ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ يُوشِكُ الْأُمَمُ أَنْ تَدَاعَى عَلَيْكُمْ كَمَا تَدَاعَى الْأَكَلَةُ إِلَى قَصْعَتِهَا فَقَالَ قَائِلٌ وَمِنْ قِلَّةٍ نَحْنُ يَوْمَئِذٍ قَالَ بَلْ أَنْتُمْ يَوْمَئِذٍ كَثِيرٌ وَلَكِنَّكُمْ غُثَاءٌ كَغُثَاءِ السَّيْلِ وَلَيَنْزَعَنَّ اللَّهُ مِنْ صُدُورِ عَدُوِّكُمْ الْمَهَابَةَ مِنْكُمْ وَلَيَقْذِفَنَّ اللَّهُ فِي قُلُوبِكُمْ الْوَهْنَ فَقَالَ قَائِلٌ يَا رَسُولَ اللَّهِ وَمَا الْوَهْنُ قَالَ حُبُّ الدُّنْيَا وَكَرَاهِيَةُ الْمَوْتِ

รายงานจากเษาบาน(ร.ฎ) กล่าวว่า ท่านนบี ซ็อลลัลลอฮุอะลัยฮะวะซัลลัม กล่าวว่า
“ประชาชาติต่างๆจะรุมกินโต๊ะพวกท่านให้สูญสิ้นไป เหมือนกับอาหารที่อยู่ในจานใหญ่ ที่จะถูกกินให้หมดไป
(หมายถึงประชาชาติมุสลิมถูกรุม)
มีผู้ถามว่า "โอ้ท่านรอซูลุลลอฮฺ เนื่องจากพวกเรามีจำนวนน้อยใช่ไหม?
ท่านกล่าวตอบว่า "ไม่ใช่หรอก แต่พวกท่าน เป็นเสมือนฟองน้ำในแม่น้ำ โดยที่ความเกรงกลัวจะถูกถอดจากหัวใจศัตรูของพวกท่าน
และความอ่อนแอ(อัลวะฮฺนุ)จะถูกนำมาวางไว้ในหัวใจของพวกท่านแทน พวกเขา
(เหล่าศอฮาบะฮฺ)กล่าวถามว่า " โอ้ท่านรอซูลุลลอฮฺ อะไรเล่าคือ ความอ่อนแอ(อัลวะฮฺนุ)?
ท่านกล่าวตอบว่า "คือ ความรักการเป็นอยู่ดุนยานี้ และการรังเกียจ(กลัว)ความตาย"
สุนันอะบูดาวูด


เมื่ออิหม่านถูกปล้น..!



ผี. 👉👉
ที่เห็นเยอะเลย..ส่วนมากจะเป็นมุสลิมะฮ.มักจะมากับความกลัว..ผี.!
จริงเเล้วในทรรศนะอิสลามไม่มีผี..ทั้งๆที่เธอรู้..มีเเต่ชัยฏอนเเต่พวกเธอก็ยังกลัว..บางคนที่อาบน้ำละหมาดอยู่นอกบ้าน.ตื่นมาตี5กว่ายังมืด..ไม่กล้าออกมาอาบน้ำละหมาด.จนพลาดเวลา.หรืออื่นๆอีกหลายทางที่มาจากชัยฏอน..ระวังน๊ะค๊ะเเผนงานชัยฏอนทั้งน้านค่ะ...อย่าปล่อยให้ความกลัวอยู่เหนือการศรัทธา...เราละหมาดลงกราบผู้สร้างชัยฏอนพวกนี้ก็ปวดร้าวเเล้วค่ะ..เราอ่านกุรอานมีดุอาอป้องกันมันทำอะไรเราไม่ได้ค่ะ...

อัลลอฮไม่ให้เรากลัวมัน..พระองค์ทรงตรัสว่า.

อาลิ อิมรอน :175
آل عمران :175
إِنَّمَا ذَلِكُمُ الشَّيْطَانُ يُخَوِّفُ أَوْلِيَاءهُ فَلاَ تَخَافُوهُمْ وَخَافُونِ إِن كُنتُم مُّؤْمِنِينَ
"แท้จริงชัยฏอนนั้น เพียงขู่ได้เฉพาะบรรดาผู้ที่ปฏิบัติตามมันเท่านั้น ดังนั้นพวกเจ้าจงอย่ากลัวพวกเขา และจงกลัวข้าเถิด หากพวกเจ้าเป็นผู้ศรัทธา"

อัน-นะฮฺลุ :98
النحل :98
فَإِذَا قَرَأْتَ الْقُرْآنَ فَاسْتَعِذْ بِاللّهِ مِنَ الشَّيْطَانِ الرَّجِيمِ

"ดังนั้น เมื่อเจ้าอ่านอัลกรุอาน ก็จงขอความคุ้มครองต่ออัลลอฮ์ให้พ้นจากชัยฏอนที่ถูกสาปแช่ง"

ในสิ่งที่พระองค์ทรงสร้างมาทุกๆสิ่งไม่ได้ไร้สาระเเม้เเต่ชัยฏอน.สิ่งที่ดีซ่อนอยู่คือ..ทำให้บ่าวของพระองค์ได้ยิ่งใกล้ชิดพระองค์ในการขอความคุ้มครอง..เเละยิ่งเพิ่มอิหม่าน..

แท้จริงปราชญ์ท่านหนึ่ง ได้ถูกถามว่า ทำไม...?..อัลลอฮฺถึงได้สร้างอิบลีสขึ้นมา ? และเขาได้ตอบว่า “เพื่อให้เรานั้นได้ใกล้ชิดกับอัลลอฮฺ ด้วยกับการขอความช่วยเหลือจากพระองค์ ให้พ้นจากชัยฏอน และให้พ้นจากการยั่วยุของมัน” ดังนั้น ในการไปถึงยังทุกๆ ความดีนั้น มักจะมีสิ่งที่ไม่ดีซ่อนเร้นอยู่เสมอ นอกสะจากว่ามันจะมากหรือน้อยเท่านั้น

ดู ตำรา الفتاوى من أحسن الكلام في الفتاوى والأحكام โดย เชค อะฏียะฮฺ ซ็อกรฺ ปราชญ์แห่งอียิปต์ เล่มที่1 หน้าที่ 89

อิหม่านจะถูกปล้นหรือจะเพิ่มอยู่ที่ตัวคุณ.......


วิธีการอาบน้ำญะนาบะฮ์(ยกหะดัษ) ตามแบบฉบับท่านนบี



:
โดย อ.มูรีด ทิมะเสน

เริ่มด้วย การอาบน้ำ สระผม ฟอกสบู่ทวารหนัก ทวารเบา ให้เรียบร้อย พอเสร็จสรรพแล้ว

ให้เริ่ม (1) เหนียต (เจตนา) ถ้าหมดเฮด ก็เหนียตอาบน้ำหะดัษหมดเฮด (เนื่องจากมีเลือดประจำเดือน) หากมียุ่นุบ ก็เหนียตอาบน้ำหะดัสยุ่นุบ (เนื่องมีเพศสัมพันธุ์ระหว่างสามีภรรยา หรืออสุจิหลั่งออกมา) หรือเนื่องจากมีเลือดนิฟาส ก็เหนียตอาบน้ำหะดัษนิฟาส (เลือดหลังคลอดบุตร)

(2) กล่าว “บิสมิลลาฮ์” (بِسْمِ اللهِ ) หากอยู่ในห้องน้ำให้กล่าวค่อยๆ หรือแผ่วเบาในใจก็ได้

(3) ล้างมือขวา 3 ครั้ง ล้างมือซ้าย 3 ครั้ง ล้างทวารหนักทวารเบา 3 ครั้ง หากไม่ได้ฟอกสบู่ในตอนแรกก็ให้ฟอกในตอนนี้

(4) กลับมาล้างมือขวา 3 ครั้ง ล้างมือซ้าย 3 ครั้ง บ้วนปาก สูดน้ำเข้าจมูกแล้วสั่งออกมา 3 ครั้ง ล้างหน้า 3 ครั้ง ล้างมือถึงข้อศอกขวาและซ้าย 3 ครั้งตามลำดับ หลังจากนั้นรองน้ำแล้วนำมาเช็ดศีรษะ และใบหู 1 ครั้ง

(5) เสร็จแล้ว หากที่บ้านอาบน้ำโดยใช้ตุ่ม ตักน้ำมา (ด้วยมือซ้ายก็ได้) ถือภาชนะตักน้ำด้วยมือซ้าย แล้วมือขวามาวักน้ำในภาชนะนำมาสางหรือขยี้ให้ทั่วผมบนศีรษะ ทำอย่างนี้ 3 ครั้ง หากเป็นฝักบัว มือซ้ายก็ถือฝักบัว ฉีดให้ตรงศีรษะ แล้วมือขวามาขยี้ผม จำนวน 3 ครั้ง

(6) ตักน้ำมารดเฉพาะศีรษะ จำนวน 3 ครั้ง ถ้าเป็นฝักบัวก็ฉีดน้ำให้ทั่วหัวศีรษะจำนวน 3 ครั้ง

(7) เสร็จแล้ว ตักน้ำมารดตั้งแต่ศีรษะจนกระทั้งถึงเท้า จำนวน 3 ครั้ง หรือรดน้ำซีกขวา 3 ครั้ง ซีกซ้าย 3 ครั้ง ก็ได้ เพราะมีหะดิษรับรองด้วยกันทั้งหมด

(8) เสร็จแล้วก็ย้ายที่เดิมเดินมาด้านหน้า หรือเดินไปด้านหลังภายในบริเวณที่อาบน้ำ เพื่อย้ายที่จากที่เดิมนิดหน่อย แล้วล้างเท้าขวา 3 ครั้ง เท้าซ้าย 3 ครั้ง

อันเป็นการเสร็จสิ้นอาบน้ำยกหะดัษ โดยไม่มีดุอาอ์ภายหลังอาบน้ำยกหะดัษ หากออกจากห้องน้ำจะไปละมาด ก็สามารถละหมาดได้เลย โดยไม่ต้องอาบน้ำละหมาดใหม่ เพราะการอาบน้ำหะดัษตามแบบฉบับนบีนี้ มีน้ำละหมาดอยู่ในตัวอยู่แล้ว

.............:

การอาบน้ำยกฮะดัสใหญ่

โดย อ.อาลี เสือ สมิง

ที่ดีแล้ว ให้อาบน้ำทำความสะอาดร่างกายให้ทั่วเสียก่อน จะฟอกสบู่ จะสระผมก็ทำให้เสร็จไปเสียก่อน เมื่อน้ำเปียกทั่วร่างกายและล้างฟองสบู่ แชมพูออกหมดแล้ว ก็ให้อาบน้ำละหมาด จะอาบให้เสร็จสมบูรณ์ทีเดียวเลยก็ได้
หรือล้างอวัยวะทั้งหมดในการอาบน้ำละหมาดแล้วเว้นเท้าเอาไว้ ต่อมาก็เริ่มอาบที่ซีกข้างขวาของร่างกายและตามด้วยซีกข้างซ้ายโดยให้เริ่มเหนียตอาบน้ำยกหะดัษขณะที่น้ำถูกศีรษะหรือส่วนหนึ่งส่วนใดของร่างกาย เมื่อแน่ใจว่าอาบทั่วแล้วก็ล้างเท้า ก็เป็นอันเสร็จขั้นตอนการอาบน้ำยกหะดัษใหญ่
ส่วนกรณีที่เมื่อมีหะดัษใหญ่นั้น ไม่มีหลักฐานอันเป็นตัวบทที่แข็งแรงห้ามในการตัดเล็บหรือตัดผม ดังนั้นการตัดเล็บและการตัดผมหรือโกนขนขณะมีหะดัษใหญ่จึงไม่ใช่สิ่งต้องห้าม แต่ถ้าไม่สบายใจหรือกังวลใจก็ควรอาบน้ำยกหะดัษใหญ่ให้เรียบร้อยเสียก่อน จึงค่อยตัดเล็บ
เรื่องก็มีอยู่แค่นี้ครับ ถ้าเราเข้าใจหลักปฏิบัติที่ถูกต้องของศาสนาแล้ว เราจะเห็นว่าหลักปฏิบัติในศาสนาเป็นเรื่องสะดวกและง่ายดาย ไม่ใช่เรื่องลำบากที่เป็นเหตุให้อึดอัดใจแต่อย่างใดเลย

والله أعلم بالصواب
.....

หลักฐานหะดิษเกี่ยวกับการอาบน้ำญะนาบะฮ์ (ยกหะดัษ)

ท่านหญิงอาอิชะฮ์ภรรยาของท่านรอซูล ได้รายงานลักษณะวิธีการอาบน้ำญะนาบะฮ์ของท่านรอซูลอย่างคร่าวๆ ไว้ว่า
“ แท้จริงเมื่อท่านรอซูลอาบน้ำญะนาบะฮ์ ท่านจะเริ่มด้วยการล้างมือทั้งสองข้างก่อน จากนั้นท่านจะใช้มือขวาวักน้ำใส่มือซ้ายเพื่อใช้ชำระล้างทวารหน้า ( อวัยวะเพศ ) จากนั้นท่านจึงอาบน้ำละหมาดเช่นเดียวกับที่ท่านอาบไปละหมาด เสร็จแล้วนำน้ำมาราดลงบนเส้นผม ( ศรีษะ ) และใช้มือเสยสอดและขยี้โคนผมให้เปียกน้ำทั่ว จนกระทั่งมั่นใจว่าน้ำเปียกทั่วหนังศรีษะหมดแล้ว ท่านวักน้ำมาราดลงบนศรีษะอีก 3 ครั้ง จากนั้นราดน้ำจนทั่วร่างกาย เสร็จแล้วจึงล้างเท้าทั้งสองข้างของท่าน )

(บันทึกของอัลบุคอรีย์ และมุสลิม)




อย่าลืมอ่านอายะฮ์อัลกุรฺซี ก่อนนอน







"...เมื่อท่านเข้านอนในที่นอนของท่าน ก็จงอ่านอายะฮ์อัลกุรฺซี ไปจนจบอายะฮ์ ท่านยังคงอยู่ในความดูแลของอัลลอฮ์ จะไม่มีชัยฎอนตนใดเข้าใกล้ท่านได้ จนกระทั่งเวลาศุบฮฺ..."

(รายงานโดยท่านอบูฮุร็อยเราะฮฺ บันทึกหะดิษโดยอิหม่ามอัลบุคอรีย์ , ฟัตฮุลบารี 8/672)


วันอาทิตย์ที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2560

เสวนาเรื่องอิบาดะฮฺมีบิดอะฮฮาซานะฮฺจริงหรือ (ตอนที่ 19)



ตาชั่ง พิทักษ์ความยุติธรรม บังฮาสันไม่เคยเข้าใจในหลักการอุลามะเลยนะครับ..ถึงเลือกเอาเฉพาะสิ่งที่ตรงกับนัฟซูตัวเองเท่านั้น...

รากฐานอุลามะสลัฟได้วางเอาไว้แล้วเกี่ยวกับบิดอะห์ว่าแบ่งออกเป็นสองประเภท..คือบิดอะห์ที่ดีกับบิดอะห์ที่เลว....


ฉะนั้น เมื่อสิ่งต่างๆได้เกิดขึ้นใหม่ อุลามะยุคหลังก้ออิจตีฮาดตามหลักการที่อุลามะสลัฟวางไว้นี่แหละ... 

การที่บังฮาสันจะอ้างกออีดะห์ซอฮาบัตไม่ทำ.สลัฟไม่ทำนั้น แล้วทำไม่ได้ มันไม่เคยมีอยู่ในสารบทอิสลามที่จะเอามาอ้างเป็นหลักฐานได้.... 

เพราะจริงๆแล้วเมื่อสิ่งใหม่เช่นเมาลิดหรืออีซีกุโบร์ได้ปรากฏขึ้น อุลามะในยุคสมัยนั้นก้อเอาเรื่องนั้นๆมาวางบนหลักการหรืออีลัตที่อุลามะสลัฟได้ทิ้งไว้ หากมันเป็นสิ่งที่สอดคล้องกับหลักฐานมันก้อคือบิดอะห์ที่ดี หากขัดแย้งกับหลักฐานมันก้อคือบิดอะห์ที่เลว...

ตาชั่ง พิทักษ์ความยุติธรรม ส่วนที่บังฮาสันอ้างว่า ทำไมท่านอิบนุอับดิสสลามไม่เห็นด้วยกับเมาลิดหรืออีซีกุโบร์ ทั้งที่เขาได้แบ่งบิดอะห์ออกเป็นห้าประเภทตามหลักซารีอัตนั้น..

จริงๆมันเป็นความเห็นของเขาในเรื่องนั้นๆ ซึ่งเขาอาจเข้าใจอาซ้อลของศาสนาต่างกันกับอุลามะท่านอื่นๆ ซึ่งถือว่าเป็
นปกติอยู่แล้วที่บางเรื่องอุลามะจะเห็นแย้งกัน... เพราะยังมีอุลามะที่อนุญาติว่าทำได้และเป็นสิ่งดี เช่น อีหม่ามอิบนุกุดดามะห์ อิบนุฮาญัร. และท่านอื่นๆเป็นต้น

ซึ่งท่านนบีได้กล่าวว่า. การเห็นต่างของประชาชาติคือความเมตตา

ฉะนั้น การที่บังฮาสันจะทำเรื่องที่เห็นต่างมาเป็นความขัดแย้งนั้น เขาไม่เรียกความเมตตา แต่เขาเรียกบาลอ.... ซึ่งบังฮาสันต้องรับผิดชอบที่ทำให้อุมัตอิสลามต้องทะเลาะกัน..
ตาชั่ง พิทักษ์ความยุติธรรม หากบังฮาสันจะเอาทรรศนะที่ตรงกับนัฟซูตัวเอง โดยยัดเยียดทรรศนะอื่นที่ต่างจากตัวเองนั้นหลงผิด...

งั้นผมขอถามบังฮาสันระหว่าง เชค อับดุลอาซีซ บินบาสที่ฟัตวาว่า อนุญาติให้อวยพรในวันปีใหม่อิสลามได้.. กับเชคซอแลฮ เฟาซาน ที่บอกว่า การอวยพรปีใหม่คือบิดอะห์ที่หลงผิด


บังฮาสันจะยัดเยียดใครที่เป็นอุลามะหลงผิดกันครับ

#นี่คือทรรศนะเชคบินบาสที่อนุญาติ

ตาชั่ง พิทักษ์ความยุติธรรม ส่วนอันสุดท้ายถือว่าบังฮาสันมิได้ตามสลัฟแต่อย่างใด. ที่ชอบอ้างว่า ตัวเองตามแนวทางสลัฟนั้นถือว่าโกหกสิ้นดี เพราะเรื่องบิดอะห์ที่บังฮาสันชอบอ้างว่า บิดอะห์ดุนยา บิดอะห์ศาสนานั้น บังฮาสันถือทรรศนะจากอุลามะยุค ฮ.ศ. 1400 ปีดีๆนี่เอง. #ฉะนั้น บังฮาสันเลิกอ้างสลัฟได้แล้ว...์
ตาชั่ง พิทักษ์ความยุติธรรม ผมว่าบังฮาสันหยุดได้แล้วนะครับในเรื่องนี้ เตาบัตตัวเถอะ แล้วหมั่นทำอีบาดัตเยอะๆ อย่าไปยุ่งเลยครับกับเรื่องคีลาฟอุลามะ. เพราะไม่คุ้มกับที่บังฮาสันต้องแบกรับ หากสิ่งที่บังฮาสันทำนั้นไม่ได้มาจากการเข้าใจศาสนาอย่างแท้จริง..

#ท่านนบีกล่าวว่า. ผู้ใดฟัตวาเรื่องศาสนาโดยไม่มีความรู้ มาลาอีกัตบนฟ้าและบนดินจะสาปแช่งมัน.. 


#ฉะนั้น โปรดไตร่ตรองตัวเองให้ดีเถอะ #วัลลอฮูอะลัม

Asan Binabdullah ไปทำธุระหนึ่งวันกับครึ่งคืน โดยหวังว่า จะเห็นหลักฐานนาย ตาชั่ง พิทักษ์ความยุติธรรม สักประโยค ยังหาทำยาไม่ได้เลย แต่แถไปเรื่อยๆ เพราะกลัวเสียหน้า นี่คือ คำถามแรกๆที่ผมถาม แกยังไม่ตอบ และข้ออื่นๆยังไม่ตอบด้วยหลักฐาน มีแต่หลักแถ คือ 3. คุณกล้าสาบานด้วยนามอัลลอฮหรือไม่ว่า บิดอะฮที่คุณอุตริขึ้นมาเช่น การทำอีซีกุโบร์ ทำเมาลิด และการทำบุญเรื่องจากการตาย 3 วัน 7 วัน เปรียบได้กับการกระทำของเคาะลิฟะฮรอชิดีดีนที่นบี ศอ็ลฯรับรองหรือไม่ หากไม่เหมือน ก็ให้อัลลอฮให้คุณประสบวิบัติภายใน 7 วัน (ตาชั่งตอบข้อนี้ด้วย)
Asan Binabdullah ตาชั่ง พิทักษ์ความยุติธรรม
ผมว่าบังฮาสันหยุดได้แล้วนะครับในเรื่องนี้ เตาบัตตัวเถอะ แล้วหมั่นทำอีบาดัตเยอะๆ อย่าไปยุ่งเลยครับกับเรื่องคีลาฟอุลามะ. เพราะไม่คุ้มกับที่บังฮาสันต้องแบกรับ หากสิ่งที่บังฮาสันทำนั้นไม่ได้มาจากการเข้าใจศาสนาอย่างแท้จริง..
#ท่านนบีกล่าวว่า. ผู้ใดฟัตวาเรื่องศาสนาโดยไม่มีความรู้ มาลาอีกัตบนฟ้าและบนดินจะสาปแช่งมัน..
.........................
@@@
ข้างต้นคือ วาทกรรมของคนที่ไม่มีหลักฐานอะไรจะมาเสนอ เลย ปิดตา กล่าวหา คู่เสวนาว่า “ยุ่งกับเรื่องคิลาฟ จึงถามว่าถ้าคุณเข้าใจว่าเป็นเรื่องคิลาฟทำไมไม่เอากติกาของอัลลอฮมาใช้คือ กติการที่ว่า ให้นำประเด็นขัดแย้งให้อัลกุรอ่านและอัสสุนนะฮ เป็นตัวตัดสิน 

يَا أَيُّهَا الَّذِينَ آمَنُواْ أَطِيعُواْ اللّهَ وَأَطِيعُواْ الرَّسُولَ وَأُوْلِي الأَمْرِ مِنكُمْ فَإِن تَنَازَعْتُمْ فِي شَيْءٍ فَرُدُّوهُ إِلَى اللّهِ وَالرَّسُولِ إِن كُنتُمْ تُؤْمِنُونَ بِاللّهِ وَالْيَوْمِ الآخِرِ ذَلِكَ خَيْرٌ وَأَحْسَنُ تَأْويلا 

ความว่า โอ้บรรดาผู้ที่ศรัทธา พวกท่านจงเชื่อฟังอัลลอฮฺ และ จงเชื่อฟังรอซูล และผู้นำของพวกท่าน แต่หากพวกท่านขัดแย้งกันในสิ่งใด ก็จงกลับไปหาอัลลอฮฺ (อัลกุรอ่าน) และรอซูล (อัซซุนนะฮฺ) หากพวกท่านศรัทธาในอัลลอฮฺและวันปรโลก นั่นแหละเป็นสิ่งที่ดียิ่ง และเป็นการกลับไปที่สวยงามยิ่ง (อัลนิซาอฺ : 59)
นอกจากไม่นำกติกาของอัลลอฮมาใช้ กลับเอาการกระทำของเคาะลิฟะฮรอชิดีน มาเบือนเบือนว่า เคาลิฟะฮทำบิดอะฮ และเป็นบิดอะฮที่ดี เพื่อจะเอามาเป็นข้ออ้าง ในการอุตริบิดอะฮต่างๆตามความเห็น เช่น อิซีกุโบร์ ,การทำบุญเนื่องจากการตาย การตะวัสซุลกับหลุมศพเป็นต้น
อัชเชากานีย์ (ร.ฮ)กล่าวว่า
أن ما سنه الخلفاء الراشدون من بعده فالأخذ به ليس إلا لأمره صلى الله عليه وآله وسلم بالأخذ به فالعمل بما سنوه والاقتداء بما فعلوه هو لأمره صلى الله عليه وسلم لنا بالعمل بسنة الخلفاء الراشدين
แท้จริง สิ่งที่บรรดาเคาะลิฟะฮอัรรอชิดีน ได้กำหนดมันให้เป็นแนวทาง หลังจากท่านนบี แล้วการเอามันมา (ปฏิบัติ) ไม่ใช่อื่นใดนอกจาก เพราะคำสั่งของนบี ศอ็ลฯ ให้เอามันมา(ปฏิบัติ) ดังนั้นการปฏิบัติด้วยสิ่งที่พวกเขาได้กำหนดมันให้เป็นแนวทาง และการปฏิบัติตามด้วยสิ่งที่พวกเขาได้ปฏิบัติมัน มันก็ เพราะคำสั่งของนบี ศอ็ลฯแก่เรา ให้ปฏิบัติ ด้วยสุนนะฮบรรดาเคาะลิฟะฮอัรรอชิดีน – 
القول المفيد في أدلة الاجتهاد والتقليد " (25) 
จึงถาม ตาชั่ง พิทักษ์ความยุติธรรม ว่า ความเห็นของปราชญ์ มีคำสั่งจากรซูลุลลอฮ ศอ็ลฯ ให้ปฏิบัติตามหรือไม่ และการนำอีซีกุโบร์มาเทียบกับ สุนนะฮเคาะลิฟะฮรอชิดีน มันถูกต้องหรือไม่ ใครรับรอง
Asan Binabdullah ตาชั่ง พิทักษ์ความยุติธรรม 
ส่วนอันสุดท้ายถือว่าบังฮาสันมิได้ตามสลัฟแต่อย่างใด. ที่ชอบอ้างว่า ตัวเองตามแนวทางสลัฟนั้นถือว่าโกหกสิ้นดี เพราะเรื่องบิดอะห์ที่บังฮาสันชอบอ้างว่า บิดอะห์ดุนยา บิดอะห์ศาสนานั้น บังฮาสันถือทรรศนะจากอุลามะยุค ฮ.ศ. 1400 ปีดีๆนี่
เอง. #ฉะนั้น บังฮาสันเลิกอ้างสลัฟได้แล้ว...์
……………..
รู้สึกว่า ตาชั่ง พิทักษ์ความยุติธรรม จะมั่วได้ถ้วย หาว่า ทัศนะที่ว่า แบ่งบิดอะฮทางดุนยา และบิดอะฮทางศาสนา ไม่ใช่ทัศนะสะลัฟ นี่แสดงว่า ไร้เดียงสาทางวิชาการ เพราะการแบ่งบิดอะฮ เขาแบ่งโดยการสืบค้นและประมวลจากหลักฐาน เช่น หะดิษที่ว่า
عَنْ عَائِشَةَ رضي الله عنها، أَنَّ النَّبِيَّ صلى الله عليه وسلم سَمِعَ أَصْوَاتًا . فَقَالَ " مَا هَذَا الصَّوْتُ " . قَالُوا النَّخْلُ يُؤَبِّرُونَهُ فَقَالَ " لَوْ لَمْ يَفْعَلُوا لَصَلَحَ " . فَلَمْ يُؤَبِّرُوا عَامَئِذٍ فَصَارَ شِيصًا فَذَكَرُوا لِلنَّبِيِّ صلى الله عليه وسلم فَقَالَ :
" إِنْ كَانَ شَيْئًا مِنْ أَمْرِ دُنْيَاكُمْ فَشَأْنَكُمْ بِهِ وَإِنْ كَانَ شَيْئًا مِنْ أُمُورِ دِينِكُمْ فَإِلَىَّ "
صحيح-الألباني"صحيح ابن ماجه": 2019 , صحيح-الألباني"صحيح الجامع": 5601, صحيح ابن حبان: 22

จากท่านหญิงอาอิชะฮฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮา เมื่อ ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะซัลลัม ได้ยินเสียงดังมาจากต้นอินผลัม ท่านได้กล่าวถามว่า " เสียงนี้คืออะไร? " พวกเขา(ชาวสวนอินทผลัม)กล่าวตอบว่า " พวกเรากำลังผสมเกสรอินทผลัม " ท่านนบีฯจึงกล่าวว่า " ถ้าพวกท่านไม่ทำอย่างนั้นมันอาจจะดีกว่านะ " ในปีนั้นอินทผลัมก็ไม่ได้รับการผสมเกสร และในปีนั้นอินทผลัมก็ไม่ติดผลอย่างที่เคย ชาวสวนจึงนำเรื่องดังกล่าวไปบอกท่านนบีฯ และท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะซัลลัม ได้กล่าวว่า ;
“หากว่ามีเรื่องใดก็ตามจากดุนยาของพวกเจ้า มันก็เป็นหน้าที่ของพวกเจ้าในเรื่องนั้น และแท้จริงหากมีเรื่องใดก็ตามจากของศาสนาของพวกเจ้า ก็จงกลับมาที่ฉัน”
เศาะฮีหฺ–อัลบานียฺ "เศาะฮีหฺ อิบนุ มาญะฮฺ" : 2019 , เศาะฮีหฺ–อัลบานียฺ "เศาะฮีหฺ อัลญามิอฺ" : 5601 , เศาะฮีหฺ อิบนุ ฮิบบาน : 22
...........ท่านนบี ศอ็ลฯ ได้แยก เรื่องหลักการทางดุนยา กับหลักการทางศาสนาชัดเจน ผมคงไม่ต้องอธิบายมาก เพราะบางคน แพ้ไม่เป็น เสียศาสนาไม่กลัวแต่กลัวเสียหน้า
Asan Binabdullah ช่วงนี้ฝ่ายผลิตข้อมูลคงไม่ว่าง เลยทำให้ฝ่ายกอ็ปข้อมูล ต้องพักยาว เรื่องศาสนาจะเอาชนะลูกเดียว เพียงเพื่อรักษาบิดอะฮ นะอูซุบิลละฮ

ตาชั่ง พิทักษ์ความยุติธรรม อย่ามั่นใจมากนักครับ...

จริงๆผมไม่อยากทำร้ายคนแก่ต่างหาก. แค่นี้มันมากพอแล้วที่ผู้จะติดตามรู้ว่าใครแท้ใครปลอม. นอกจากลูกหาบผู้ตักลีดอย่างตาบอด
Asan Binabdullah ตาชั่ง พิทักษ์ความยุติธรรม อย่ามั่นใจมากนักครับ...
จริงๆผมไม่อยากทำร้ายคนแก่ต่างหาก. แค่นี้มันมากพอแล้วที่ผู้จะติดตามรู้ว่าใครแท้ใครปลอม. นอกจากลูกหาบผู้ตักลีดอย่างตาบอด
@@@

คววามจริงคนตาบอด ควรจะเป็นคนทำบิดอะฮและอนุรักษ์บิดอะฮ เพราะนาบีบอกว่า

كل بدعة ضلالة
ทุกบิดอะฮคือ การหลงทาง 
คนหลงทางหรือหลงผิด คือตาใจบอด มองไม่เห็นสัจธรรม คนมองไม่เห็นคุณค่าของอัสสุนนะฮ แล้วกลับเห็นว่าบิดอะฮคือสิ่งที่ดี แบบนี้ สำนวนไทยเรียกว่า “พวกเห็นกงจักร เป็นดอกบัว 
فَإِنَّهَا لَا تَعْمَى الْأَبْصَارُ وَلَكِن تَعْمَى الْقُلُوبُ الَّتِي فِي الصُّدُورِ
เพราะแท้จริงการมองของนัยตานั้นมิได้บอดดอก แต่ว่าหัวใจที่อยู่ในทรวงอกต่างหากที่บอด”(ซูเราะฮฺอัลฮัจญฺ อายะที่45)

ในปทานุกรรม อาหรับ-ไทย ของ ส.วงศ์เสงี่ยม คำว่า ضالة (ฎอ็ลละฮ) แปลว่าสัตว์ที่หลงทาง
Asan Binabdullah ตาชั่ง พิทักษ์ความยุติธรรม อย่ามั่นใจมากนักครับ...
จริงๆผมไม่อยากทำร้ายคนแก่ต่างหาก. แค่นี้มันมากพอแล้วที่ผู้จะติดตามรู้ว่าใครแท้ใครปลอม. นอกจากลูกหาบผู้ตักลีดอย่างตาบอด
@@@
...ดูเพิ่มเติม
ตาชั่ง พิทักษ์ความยุติธรรม #อ้างอิงจากบังฮาสัน..
ไปทำธุระหนึ่งวันกับครึ่งคืน โดยหวังว่า จะเห็นหลักฐานนาย ตาชั่ง พิทักษ์ความยุติธรรม สักประโยค ยังหาทำยาไม่ได้เลย แต่แถไปเรื่อยๆ เพราะกลัวเสียหน้า นี่คือ คำถามแรกๆที่ผมถาม แกยังไม่ตอบ และข้ออื่นๆยังไม่ตอบด้วยหลักฐาน มีแต่หลักแ
ถ คือ 3. คุณกล้าสาบานด้วยนามอัลลอฮหรือไม่ว่า บิดอะฮที่คุณอุตริขึ้นมาเช่น การทำอีซีกุโบร์ ทำเมาลิด และการทำบุญเรื่องจากการตาย 3 วัน 7 วัน เปรียบได้กับการกระทำของเคาะลิฟะฮรอชิดีดีนที่นบี ศอ็ลฯรับรองหรือไม่ หากไม่เหมือน ก็ให้อัลลอฮให้คุณประสบวิบัติภายใน 7 วัน (ตาชั่งตอบข้อนี้ด้วย)

@@@@@@@@

#ชี้แจง บังฮาสันนี้ติดนิสัยอยากสาบานมากนะครับ...ถึงเท่วท้าสาบานคนอื่นไปทั่ว ตัวเองไม่เคยสำนึกเลยว่าได้บิดเบือนเรื่องศาสนามากขนาดไหนแล้ว ครั้งที่ผมให้เตาบัตตัว ก้อไม่เคยคิดที่จะสำนึกตัวใดๆ. 
__________________

ท่านอบู อุมามะฮฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ ได้เล่าว่า ท่านเราะสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได้กล่าวว่า

« مَنِ اقْتَطَعَ حَقَّ امْرِئٍ مُسْلِمٍ بِيَمِينِهِ، فَقَدْ أَوْجَبَ اللهُ لَهُ النَّارَ، وَحَرَّمَ عَلَيْهِ الْجَنَّةَ» فَقَالَ لَهُ رَجُلٌ: وَإِنْ كَانَ شَيْئًا يَسِيرًا يَا رَسُولَ اللهِ؟ قَالَ: «وَإِنْ قَضِيبًا مِنْ أَرَاكٍ» [أخرجه مسلم]

“ผู้ใดตัดกรรมสิทธิ์ของคนมุสลิมด้วยสาบานของเขา แน่แท้อัลลอฮฺจะให้เขาต้องเข้านรก และห้ามสวรรค์แก่เขา” แล้วมีชายคนหนึ่งกล่าวขึ้นมาว่า “และถึงแม้จะเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยกระนั้นหรือ? ท่านเราะสูลุลลอฮฺ” ท่านกล่าวตอบว่า “และถึงแม้จะเป็นเพียงกิ่งไม้หนามก็ตาม” บันทึกโดยมุสลิม
_________________

ฮาดิษได้บ่งบอกให้เรารู้ว่า การสาบานที่ไปตัดกรรมสิทธิ์ของมุสลิมด้วยกันคือบาป คือไปสาบานเพื่อให้คนอื่นรู้ว่าเขาพูดจริง เพราะต้องการไปตัดกรรมสิทธิ์คนอื่นว่าเขาไม่น่าเชื่อถือ...เป็นต้น..

http://www.ipoknowledge.com/main/content.php?id=561
ตาชั่ง พิทักษ์ความยุติธรรม ส่วนที่ถามว่า การทำบุญฮาดียะห์ให้ผู้ตายหรือทำเมาลีดแล้วเอาไปเปรียบเทียบกับละหมาดตารอแวฮ

#ขอตอบว่า. บังฮาสันนี่ซื่อบื่อจริงๆ ตั้งแต่คุยมายาวเหยียดขนาดนี้ยังจับประเด็นอะไรไม่ได้..


การทำอีซีกุโบร์ หรือการทำเมาลิด เขาไม่ได้ไปเปรียบเทียบกับละหมาดตารอแวฮ เพราะมันคนละอาซ้อลของศาสนากัน แต่ที่อนุญาตินำไปเปรียบเทียบนั้น คือคำพูดของท่านอุมัรที่บอกว่า نعمة البدعة هذه (รูปแบบตารอแวฮที่ไม่มีสมัยนบี) เพื่อเป็นหลักฐานว่า บิดอะห์ที่ดีก้อมีอยู่ในอิสลาม.. หากการกระทำนั้นสอดคล้องกับกรุอ่านและฮาดิษและอิจมะ..
ตาชั่ง พิทักษ์ความยุติธรรม #อ้างอิงจากบังฮาสัน 

กลุ่มอนุรักษ์บิดอะฮ มักจะอ้างว่า บิดอะฮไม่ได้เป็นสิ่งที่เลวทั้งหมด มีสิ่งดีด้วย เรื่องนี้ มาดูคำอธิบายต่อไปนี้ 

อิหม่ามอัชชาฏิบีย(ร.ฮ)กล่าวว่า
قول النبيِّ صلى الله عليه وسلم: ((كل بدعة ضلالة)) محمولٌ عند العلماء على عمومه، لا يُستثنى منه شيء ألبتة، وليس فيها ما هو حسنٌ أصلاً؛ إذ لا حسن إلا ما حسَّنه الشرع، ولا قبيح إلا ما قبَّحه الشرع، فالعقل لا يحسِّن ولا يقبِّح؛ وإنما يقول بتحسين العقل وتقبيحه أهلُ الضلال.
คำพูดของนบี ศอ็ลฯ ที่ว่า (ทุกบิดอะฮ คือการหลงผิด) ในทัศนะบรรดาอุลามาอฺ ได้ถูกถือตามความหมายกว้างๆของมัน ไม่มีสิ่งใดยกเว้นเลย และในบิดอะฮนั้นร ไม่มีสิ่งที่ดีในมัน มาแต่เดิม ยกเว้น สิ่งที่ศาสนบัญญัติได้ระบุว่ามันดี และไม่มีสิ่งใดเลว นอกจากสิ่งที่ศาสนบัญญัติระบุว่ามันเลว ดังนั้น สติปัญญา (เหตุผลทางปัญญา) จะไม่ตัดสินว่าดีหรือเลว ความจริง ผู้ที่กล่าวด้วยการเห็นว่าดีและเห็นว่าเลวของสติปัญญา (หมายถึงด้วยเหตุผลทางปัญญา) นั้นคือ ชาวบิดอะฮ 
-ฟะตาวาอิหม่ามอัชชาฏิบีย์ 180-181
ท่านนบี ศอ็ลฯ เป็นผู้พูดเองว่าทุกบิดอะฮคือการหลงผิด การยกเว้นในสิ่งที่กล่าวโดยรวม มันเป็นหน้าของผู้พูด คือนบี ไม่ใช่ความเห็น
จากรายละเอียดข้างต้น จึงสรุปได้ว่า ในศาสนบัญญัติ ไม่มีบิดอะฮที่ดี และ ผู้ที่ตัดสินว่าดีและเลวในเรื่องศาสนาด้วยเหตุผลทางปัญญา นั้น คือชาวบิดอะฮ
ส่วนการแบ่ง บิดอะฮเป็น 5 ประเภทนั้น
อิหม่ามชาฏิบีย์ตอบโต้ดังนี้
إن هذا التقسيم أمر مخترع، لا يدل عليه دليلْ شرعي، بل هو في نفسه متدافع، لأن من حقيقة البدعة أن لا يدل عليها دليل شرعي، لا من نصوص الشرع،
แท้จริง การแบ่งนี้ เป็นสิ่งที่ถูกประดิษบ์ขึ้นใหม่ ไม่มีหลักฐานแห่งศาสนบัญญัติ แสดงบอกบนมัน ยิ่งไปกว่านั้นในตัวของมัน ขัดแย้งกันเอง เพราะส่วนหนึ่งจากแก่นแท้ของบิดอะฮ คือ แท้จริง ไม่มีหลักฐานทางศาสนบัญญัติแสดงบอกบนมัน ,ไม่มีจากบรรดาตัวบทแห่งบทบัญญัติ – อัลเอียะติศอม 1/246

########

#ขออนุญาติชี้แจงย้อนหลังนิดนึง. ขอถามบังฮาสันว่า หากบังฮาสันอ้างทรรศนะของอีหม่ามซาฏีบีย์ในเรื่องบิดอะห์ โดยไปหักล้างทรรศนะของอุลามะที่วางบิดอะห์อยู่บนหลักซารีอัตทั้งห้าว่าหลงผิด..

ขอถามว่า. การที่สมัยท่านซอฮาบัตได้เพิ่มการตัสวีบ ( คือ การกล่าว อัศศอลาตุคอยรูมมีนันเนา ) ในการอาซานที่นอกเหนือจากอาซานฟัรญ์ (คืออาซานซุบฮี) ซึ่งท่านอิบนุอุมัรได้กล่าวว่า มันคือบิดอะห์..

ขอถามว่า การเพิ่มตัสวีบในอาซานนอกจากอาซานฟัจร์ มีฮุกมว่าหลงผิดต้องตกนรก..หรือฮุกมมักโรฮ... #ตอบมาตรงประเด็นด้วย. อย่าแถเหมือนหลายๆข้อล่ะ
Asan Binabdullah ไปตอบที่ผมถามด้วยหลักฐานให้หมดก่อนครับจึงจะมาถามผมเช่น 3. คุณกล้าสาบานด้วยนามอัลลอฮหรือไม่ว่า บิดอะฮที่คุณอุตริขึ้นมาเช่น การทำอีซีกุโบร์ ทำเมาลิด และการทำบุญเรื่องจากการตาย 3 วัน 7 วัน เปรียบได้กับการกระทำของเคาะลิฟะฮรอชิดีดีนที่นบี ศอ็ลฯรับรองหรือไม่ หากไม่เหมือน ก็ให้อัลลอฮให้คุณประสบวิบัติภายใน 7 วัน
ตาชั่ง พิทักษ์ความยุติธรรม ผมจะสาบานเรื่องเมาลิดหรืออีซีกุโบร์ได้ แต่มีข้อแม้คุณต้องสาบานก่อนว่า สลัฟแบ่งบิดอะห์ออกเป็นสองประเภทคือบิดอะห์ดุนยาและบิดอะห์ศาสนา.
Asan Binabdullah สาบานซิครับ เรื่องสะลัฟ หรือเคาะลัฟแบ่งไม่ใช่ประเด็น เพราะการแบ่งประมวลจาก เนื้อหา ครับ เช่น ละหมาด มีรุกน 13 ประการ สะลัฟแบ่งหรือครับ เพราะฉะนั้นอย่าเลี่ยงบาลีครับ คำถามผมคือ คุณกล้าสาบานด้วยนามอัลลอฮหรือไม่ว่า บิดอะฮที่คุณอุตริขึ้นมาเช่น การทำอีซีกุโบร์ ทำเมาลิด และการทำบุญเรื่องจากการตาย 3 วัน 7 วัน เปรียบได้กับการกระทำของเคาะลิฟะฮรอชิดีดีนที่นบี ศอ็ลฯรับรองหรือไม่ หากไม่เหมือน ก็ให้อัลลอฮให้คุณประสบวิบัติภายใน 7 วัน
Asan Binabdullah ถ้าเสวนา ตอบคำถามผมให้หมด เดี๋ยวผมจะตอบที่คุณถาม ผมเขียนตั้งไว้แล้วพร้อมถามคุณสามข้อ ของผมประกอบหลักฐานไม่แถแน่เร็วครับท่านปลาไหล ฮัมดี ถ้าจะเสวนาต้องใช้หลักวิชาการเพราะผู้อ่านติดตามอยู่
Asan Binabdullah มาดู นายตาชั่ง พิทักษ์ความยุติธรรม ต่อลมหายใจครับพี่น้อง พายเรือในอ่าง
Uvuvwevwevwe Onyetenyevwe Ugwemuhwem Osas ตกลงเสวนากันจบหรือยังคับ ผมจะได้อ่านสรุปทีเดียวเลย